อัลตร้าลักชัวรีแรงไม่ตก!ไรมอนแลนด์ลุยบ้าน300ล้านวิลล่าภูเก็ต600-พันลบ.

อัลตร้าลักชัวรีแรงไม่ตก!ไรมอนแลนด์ลุยบ้าน300ล้านวิลล่าภูเก็ต600-พันลบ.

ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ย และภาวะหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ปัจจัยเสี่ยงจากสงครามที่มีผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคสวนทางอสังหาฯอัลตร้าลักชัวรีสะท้อนจาก“ไรมอน แลนด์” เตรียมเปิดขายบ้านราคา300ล้านโซนสุขุมวิท “วิลล่า” ร่วมกับกลุ่มโรสวูดในภูเก็ตราคาตั้งแต่ 600จนถึง1,000 ล้าน

กรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์สินค้าลักชัวรียังคงไปต่อ!  ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา หรือ ภาวะสงครามรัสเซีย ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส  ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับผลกระทบน้อยมาก ไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแต่อย่างใด แม้ว่าเหตุการณ์ผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา แต่กลุ่มลูกค้าที่มีฐานะ มีความมั่งคั่งสูงขึ้น และพร้อมที่จับจ่าย ไม่เฉพาะแค่อสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่สินค้าลักชัวรีแบรนด์ยังเติบโตสูงขึ้นมากทั้งในและต่างประเทศ

"แม้กระทั่งช่วงที่ปิดประเทศ สินค้าทุกอย่างได้รับผลกระทบยกเว้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับลักชัวรี เพราะลูกค้าเดินทางออกต่างประเทศไม่ได้ เกิดดีมานด์อั้น ทำให้ขายดี จึงเป็นเหตุผลที่ ไรมอน แลนด์ โฟกัสที่กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นหลัก แต่ต้องยอมรับพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปหลังโควิด-19"

สำหรับเทรนด์การพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี พบว่า มี 4 เรื่องสำคัญ  ที่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ประกอบด้วย เรื่องแรก “ทำเล” ต้องเป็นทำเลทอง กล่าวคือต้องเป็นทำเลที่มีศักยภาพสามารถขายต่อได้ราคา และส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลาน สามารถปล่อยเช่าได้ คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงเป็นเหตุผลที่ ไรมอน แลนด์ ให้ความสำคัญกับทำเลเป็นอันแรก

เรื่องที่สอง “ฟังก์ชั่น”  ต้องตอบโจทย์ผู้ที่อยู่อาศัย ยิ่งหลังจากโควิด เทรนด์พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยเปลี่ยนไปมาก 

เรื่องที่สาม “สุขภาพและสุขภาวะที่ดี”  โดยใช้วัสดุที่ช่วยกรองอากาศ ในโครงการ One City Centre 

เรื่องที่สี่ “ความปลอดภัย” และความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย

ในแง่ของซัพพลายและดีมานด์ของตลาดลักชัวรีคอนโดมิเนียม ในไตรมาส 2 ปีนี้ ตลาดคอนโดมิเนียม “ซูเปอร์ไพร์ม” มีราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาทขึ้นไปต่อตารางเมตร ยังคงเติบโต แม้ว่าที่ดินในการพัฒนาจะน้อยลง แต่ความต้องการในตลาดกลุ่มนี้ยังมีสูง 
 

อัลตร้าลักชัวรีแรงไม่ตก!ไรมอนแลนด์ลุยบ้าน300ล้านวิลล่าภูเก็ต600-พันลบ.

จากข้อมูลของฝ่ายวิจัย ไนท์แฟรงค์ ระบุว่าคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพร์มในไตรมาส 2 ปีนี้ มีอุปทานเปิดใหม่เพียงแค่ 1% เท่านั้น ในขณะที่มีอัตราดูดซับ อยู่ที่ 87% ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD : Central Business District) อย่าง สีลม สาทร มีอุปทานคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพร์มอยู่ที่ 10% เพราะถูกดูดซับไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา

"หลังจากโควิดลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมมีความต้องการพื้นที่ีขนาดใหญ่มากขึ้น ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป"

กรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันซัพพลายระดับซูเปอร์ไพร์ม แบ่งตามทำเล โดย 48% อยู่บนทำเลสุขุมวิท 48% ลุมพินี 26% ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 16% และสาทร/สีลม 10%  

โดยเฉพาะทำเลสุขุมวิท ถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมจากคนต่างชาติค่อนข้างมาก ยกตัวอย่าง โครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ สุขุมวิท 26 เป็นคอนโดมิเนียมอัลตร้าลักชัวรี คนซื้อนิยมปล่อยเช่า เพราะได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอัตรา 5-6% ส่วน สาทร/สีลม เป็นอีกทำเลหนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเพราะกลุ่มคนต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่จำนวนมาก

ก่อนหน้านี้ ไรมอน แลนด์ ได้พัฒนาโครงการในทำเลนี้มาแล้ว 2 โครงการ คือ “เดอะ ลอฟท์ สีลม” และ “เดอะ ดิโพลแมท สาทร”  ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ปิดการขายทั้งหมดแล้ว  ขณะที่ราคาขายรีเซลเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี 

ดังนั้น ไรมอน แลนด์  จึงพัฒนาโครงการที่ 3 “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์” ในทำเลนี้ รองรับดีมานด์ของคนที่มองหาที่อยู่อาศัยและคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนปล่อยเช่าคาดว่าจะสามารถปิดโครงการกลางปี 2567

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 ไรมอน แลนด์ ยังคงให้ความสำคัญตลาดลักชัวรี โดยมีแผนเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ ในย่านสุขุมวิท ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและปรับแบบให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป!

ขณะเดียวกัน หันมาให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบมากขึ้น ด้วยการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ทำเลสุขุมวิท ระดับราคาตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5ยูนิต ส่วนในจังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างการปรับแบบโครงการ วิลล่าระดับอัลตร้าลักชัวรี โดยร่วมกับกลุ่มโรสวูด โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต บนที่ดินรวม 23 ไร่ ทำเลหาดกมลา มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท  ซึ่งวางสนนราคาเริ่มต้นหลังละ 600 ล้านบาท สูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท

 "ในอนาคต ไรมอน แลนด์ มีแผนที่ดึงแลนด์ลอร์ดมาร่วมทุนพัฒนาโครงการ แทนที่จะหาซื้อที่ดิน เนื่องจากที่ดินมีราคาแพงขึ้น และหายากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมาะซื้อเก็บเพราะจะกลายเป็นต้นทุน"