เปิด 5 ทำเลศักยภาพบ้าน-คอนโดในไตรมาส2/66

เปิด 5 ทำเลศักยภาพบ้าน-คอนโดในไตรมาส2/66

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผย 5 ทำเลศักยภาพบ้าน-คอนโดในไตรมาส2/66 โซนบ้าน ที่มียอดขายสูงสุดและมีอัตราการดูดซับสูง บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธงมีมูลค่า 9,962 ล้าน ส่วนทำเลที่มียอดขายสูงสุดและมีอัตราการดูดซับสูง ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดงมีมูลค่า 2,497 ล้าน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ รายงานผลสำรวจภาคสนามอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 2 ปี 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 


ผลจากการสำรวจภาคสนามยังได้แสดงให้เห็นทำเลศักยภาพของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ที่มียอดขายสูงสุดและมีอัตราการดูดซับสูง ประกอบด้วยโซน

1. บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง ยอดขาย 1,727 หน่วย มูลค่า 9,962 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 3.5 ต่อเดือน

 2. เมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ ยอดขาย 995 หน่วย มูลค่า 3,585 ล้านบาท และอัตราดูดซับร้อยละ 3.3 ต่อเดือน  

3. บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย ยอดขาย 992 หน่วย มูลค่า 5,047 ล้านบาท และอัตราดูดซับร้อยละ 1.9 ต่อเดือน  

4. เมืองสมุทรสาคร ยอดขาย  933 หน่วย มูลค่า 3,744 ล้านบาท และอัตราดูดซับร้อยละ 4.5 ต่อเดือน  

5. ลำลูกกา-ธัญบุรี ยอดขาย 882 หน่วย มูลค่า  3,642 ล้านบาท  และอัตราดูดซับร้อยละ 1.9 ต่อเดือน

สำหรับทำเลที่อยู่อาศัยแนวราบที่ต้องระมัดระวังเนื่องจากยังคงมีหน่วยเหลือขายที่มากติดอันดับต้น ๆ แม้ว่าบางพื้นที่จะมียอดขายและอัตราการดูดซับที่ดี ได้แก่

1. บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย เหลือขาย 16,811 หน่วย มูลค่า  83,218 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 1.9 ต่อเดือน

 2. บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง เหลือขาย  14,689 หน่วย มูลค่า  79,073 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 3.5 ต่อเดือน

 3.ลำลูกกา-ธัญบุรี เหลือขาย 14,501หน่วย มูลค่า  57,010 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 1.9 ต่อเดือน  

4. คลองหลวง-หนองเสือ เหลือขาย 13,112 หน่วย มูลค่า  46,477 ล้านบาท  อัตราดูดซับร้อยละ 1.4 ต่อเดือน

5. เมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก เหลือขาย 10,344 หน่วย มูลค่า 42,653 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 1.9 ต่อเดือน

โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยแนวราบเหลือขายสูงสุดเป็นกลุ่มราคา 3.01-5.00 ล้านบาทโดยมีจำนวนหน่วยเหลือขาย 37,068 หน่วย มูลค่า 151,278 ล้านบาท อันดับ 2 คือระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท จำนวน 34,924 หน่วย มูลค่า 95,177 ล้านบาท และอันดับ 3 ระดับราคา 5.10-7.50 ล้านบาท จำนวน 17,406 หน่วยมูลค่า 110,101 ล้านบาท 
 

5 ทำเลศักยภาพโครงการคอนโด

สำหรับทำเลศักยภาพของตลาดอาคารชุด ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 โดยเป็นทำเลที่มียอดขายสูงสุดและมีอัตราการดูดซับสูง ประกอบด้วย

1. ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวนยอดขาย 699 หน่วย มูลค่า 2,497 ล้านบาท อัตราดูดทรัพย์ร้อยละ 2.0 ต่อเดือน  

2. คลองหลวง-หนองเสือ ยอดขาย 656 หน่วย มูลค่า  1,610 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ  8.7 ต่อเดือน

3. เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด ยอดขาย 615 หน่วย มูลค่า 1,233 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ  3.1 ต่อเดือน  

4. พระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ ยอดขาย 588 หน่วย มูลค่า 1,731 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 2.2 ต่อเดือน

5. ธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด ยอดขาย 426 หน่วย มูลค่า 1,454 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 1.6 ต่อเดือน

ทั้งนี้ ทำเลที่มีหน่วยเหลือขายของอาคารชุดมาก ที่ควรจะต้องระมัดระวังเนื่องจากยังคงมีหน่วยเหลือขายที่มากติดอันดับต้น ๆ แม้ว่าบางพื้นที่จะมียอดขายและอัตราการดูดซับที่ดี ได้แก่

1. ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง เหลือขาย 11,086 หน่วยมูลค่า 46,350 ล้านบาท อัตราดูดทรัพย์ร้อยละ 2.0 ต่อเดือน  

2. ธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด เหลือขาย 8,526 หน่วย มูลค่า 26,251 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 1.6 ต่อเดือน  

3. พระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ เหลือขาย 8,390 หน่วย มูลค่า 24,378 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 2.2

4. เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด เหลือขาย 5,922 หน่วย มูลค่า 13,676 ล้านบาท อัตราดูดซับ ร้อยละ 3.1  

5. สุขุมวิท เหลือขาย 4,856 หน่วย มูลค่า 42,291 ล้านบาท อัตราดูดซับร้อยละ 1.7 ต่อเดือน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกระดับราคาขายจะพบว่าอาคารชุดที่มีหน่วยเหลือขายสูงสุดอยู่ในกลุ่มราคา 2.01- 3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเหลือขายทั้งสิ้น 26,507 หน่วย มูลค่า 72,703 ล้านบาท อาคารชุดระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท เหลือขายมากเป็นอันดับ 2 จำนวน 15,431 หน่วย มูลค่า 60,4002 ล้านบาท และอาคารชุดราคา 1.51 – 2.00 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากเป็นอันดับ 3 จำนวน 10,063 หน่วย มูลค่า 19,859 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมพบว่าไตรมาส 2 ปี 2566 มีสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยด้านการขายยังคง"ลดลง"ต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2566 โดยเมื่อเทียบกับปี 2565 อัตราการขายลดลงถึงร้อยละ -32.3 ขณะที่อัตราดูดซับปรับมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ต่างจากอัตราดูดซับในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.9

โดยเป็นการลดลงในกลุ่มของอาคารชุดมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอัตราการขายลดลงถึงร้อยละ- 56.5 อัตราดูดซับปรับลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ขณะที่ไตรมาส 2 ปีก่อนหน้าอัตราดูดซับสูงถึงร้อยละ 5.6