ขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนอสังหาฯดันราคาบ้านขยับขึ้น

ขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนอสังหาฯดันราคาบ้านขยับขึ้น

บิวท์ ทู บิวด์ ชี้นโยบายขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนอสังหาฯ ส่งราคาบ้านขยับขึ้น เตรียมแผนรับมือผุดแคมเปญ "สร้างบ้านพร้อมอยู่ ตกแต่งครบจบทั้งหลัง" ออกมากระตุ้นคนสร้างบ้านในราคาคุ้มค่าก่อนปรับราคา คาดยอดขายปีนี้โตตามเป้า 1,200 ล้าน ระบุเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวปีหน้า

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ บริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ เผยว่า สิ่งที่น่ากังวลและหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามที่ทราบกันดีถึงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะทำการทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 จากเดิมค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 353 บาท/วัน  เฉลี่ยปรับขึ้นประมาณ 70% ภายในระยะเวลา 4 ปี หรือ18% ต่อปี ส่งผลกระทบธุรกิจอสังหาฯ / ธุรกิจรับสร้างบ้านครั้งใหญ่ เพราะทำให้ราคาบ้านที่ปรับสูงอีกครั้ง จากต้นทุนค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น  หรืออาจจะมีการปรับรอไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 รวมถึงรัฐฯยังมีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าต่างๆ จะปรับราคาสูงขึ้นแบบชัดเจน

ดังนั้นในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านมองว่า สำหรับผู้บริโภคที่มีเป้าหมายหรือ มีความพร้อมที่จะสร้างบ้าน หากสามารถศึกษาข้อมูลและตัดสินใจได้เร็วก็จะเป็นการดีและเป็นประโยชน์ในการลงทุนครั้งใหญ่เป็นอย่างมากที่จะใช้โอกาสภายในช่วงปีนี้ตัดสินใจสร้างบ้าน ก่อนราคาบ้านดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคได้บ้านคุณภาพในราคาที่ไม่แรงเกินไป

กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ จึงได้เตรียมกลยุทธ์และแนวทางรับมือเพื่อเพิ่มโอกาสให้แก่ผู้บริโภคที่กำลังมีแผนสร้างบ้านตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยได้ออกแคมเปญ "สร้างบ้านพร้อมอยู่ ตกแต่งครบจบทั้งหลัง"  ซึ่งมีแนวคิดที่อยากให้ผู้บริโภคได้สัมผัสอีกหนึ่งมิติของบริษัทรับสร้างบ้าน ที่เมื่อสร้างเสร็จแล้วสามารถหิ้วกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที ภายใต้แบบบ้านหลากหลายฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย และสามารถควบคุมงบประมาณได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.99  ล้านบาท  พร้อมข้อเสนอพิเศษ อาทิ  ฟรี! เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง  ออกแบบโดย Design by Zelection Interior  จาก SB โดยแคมเปญนี้เริ่มเปิดให้จองในงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2023" ที่จัดขึ้นในวันที่ 20 - 24 ก.ย.นี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

สำหรับเป้าหมายในปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตไว้1,200 ล้านบาท ตามที่ได้กำหนดไว้เมื่อต้นปี โดยภาพรวมผลงานในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้วประมาณ 800 ล้านบาท  และคาดว่าสิ้นสุดไตรมาส 3 นี้จะสามารถปิดยอดขายได้เพิ่มอีก 250 ล้านบาท ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปีบริษัทฯคงจะมีผลงานยอดขายได้ตามเป้าหมาย1,200 ล้านบาท

นายสุธี กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ของกลุ่มบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จากการตอบรับและการกล่าวถึงผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพงานก่อสร้างที่มาช่วยต่อยอดความเชื่อมั่นและชื่อเสียงของแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น  เสริมด้วยการพัฒนาดีไซน์แบบบ้านให้ดูทันสมัยสวยงามเหมาะกับกลุ่มลูกค้าในทุกช่วงวัย  ด้วยฟังก์ชั่นภายในที่หลากหลายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการครองใจลูกค้าของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ อย่างต่อเนื่องตลอดมา

สำหรับมุมมองเศรษฐกิจไทยภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ มองว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเริ่มมีสัญญาณของการขยายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ทั้งด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคการส่งออกที่จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวมาต่อเนื่อง

รวมถึงแรงหนุนจากการเริ่มเข้าสู่ซีซั่นของการท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นตัวเสริมหลักในการพยุงรายได้ของประเทศปีนี้  ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นหลังจากที่รัฐบาลชุดใหม่มีความชัดเจนของในเรื่องของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ได้ประกาศเอาไว้ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและการลงทุนให้เกิดการหมุนเวียนได้คล่องตัวมากขึ้น โดยคาดว่าสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 เป็นต้นไป