บ้านหรูเซฟโซนอสังหาฯครึ่งปีหลังลูกค้ารายได้สูงยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

บ้านหรูเซฟโซนอสังหาฯครึ่งปีหลังลูกค้ารายได้สูงยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

ปัจจุบันบ้านระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีเป็นเซ็กเมนต์ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มองว่าเป็น “เซฟโซน” ในการพัฒนาโครงการท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองเนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีรายได้สูง ยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

 ศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น  ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง และกำลังซื้อ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าราคาสูงอย่างที่อยู่อาศัย
ตลาดรวมอสังหาฯ ยังคงทรงตัวจนถึงขึ้นหดตัว ยกเว้นบ้านระดับลักชัวรี ซูเปอร์ลักชัวรี ราคา 10-100 ล้านบาทขึ้นไปที่ยังคงมีดีมานด์ เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ 

“เงินฝากของลูกค้ากลุ่มนี้ในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมากลับเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีที่ดินที่มีศักยภาพ หันมาทำตลาดลักชัวรีมากขึ้น”

แอสเซท ไฟว์ เป็นหนึ่งในนั้นที่มองเห็นโอกาสขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการพัฒนาโครงการแซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑาบนพื้นที่ 29 ไร่ ในรูปแบบบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดิน 117-222 ตารางวา ราคา 60-150 ล้านบาท จำนวน 48 ยูนิต มูลค่า 2,700 ล้านบาท ใกล้ปิดโครงการแล้ว

ปีหน้าเตรียมพัฒนาโครงการแซงค์ รอยัล ย่านบางนา-ตราด บนที่ดิน 14 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว 200-300 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป มูลค่า 1,600 ล้านบาท ราคา 60-160 ล้านบาท ระหว่างนี้มีการพัฒนาโครงการวนา เรสซิเดนซ์ 2 ราชพฤกษ์ และ วนา เรสซิเดนซ์ 3 รัตนาธิเบศร์ ราคา 25-50 ล้านบาท 

 

บ้านหรูเซฟโซนอสังหาฯครึ่งปีหลังลูกค้ารายได้สูงยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

สอดคล้องกับประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบระดับลักชัวรียังคงส่งสัญญาณบวกและแข็งแกร่ง ซัพพลายกลุ่มนี้มีไม่มากนัก ขณะที่ดีมานด์เติบโตต่อเนื่อง จากกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง (High Net Worth Individual) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

อนันดาจึงหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้นด้วยการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องการเติบโตของตลาด ที่แนวราบเติบโต 7% ในครึ่งปีแรก 2566 รวมถึงการปรับกลยุทธ์ลงทุนแนวราบจาก 15% เป็น 20% คอนโดมิเนียม 80% ล่าสุด เปิดตัวโครงการ อาร์เทล อโศก-พระราม 9 บ้านเดี่ยวสไตล์ลักชัวรีพูลวิลล่า บนทำเลศักยภาพที่หาได้ยาก

เช่นเดียวกับ วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ครึ่งปีหลังจะเปิด 9 โครงการ มูลค่า 13,250 ล้านบาทเน้นแนวราบกลุ่มลักชัวรี ซึ่งบริษัทมีบ้านหรู 6 โครงการในแบรนด์ “เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ” และ “เลค เลเจนด์” รองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่อาศัยทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

บ้านหรูเซฟโซนอสังหาฯครึ่งปีหลังลูกค้ารายได้สูงยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

 อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง แสนสิริ มีแผนเปิดตัว 39 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 56,700 ล้านบาท เป็นแนวราบ 23 โครงการ มูลค่ารวม 35,900 ล้านบาท ไฮไลต์เป็นการเปิดตับ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ 10 โครงการ มูลค่า 21,900 ล้านบาท ครอบคลุมทุกทำเล อีก 16 โครงการเป็นคอนโด มูลค่ารวม 20,800 ล้านบาท

บ้านหรูเซฟโซนอสังหาฯครึ่งปีหลังลูกค้ารายได้สูงยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

ขณะที่ “สิงห์ เอสเตท” มีแผนพัฒนาบ้านลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี 5 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ต่อเนื่อง หลักประสบความสำเร็จในการขายโครงการ “ลาซัวว์ เดอ เอส” บ้านระดับอัลตราลักชัวรี ราคากว่า 550 ล้านบาทต่อหลัง 

บ้านหรูเซฟโซนอสังหาฯครึ่งปีหลังลูกค้ารายได้สูงยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง คาดว่ามีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีประชาชนเกิดความมั่นใจหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมีกำลังซื้อจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวหลังโควิดเป็นแรงหนุน ทำให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยเห็นได้จากการเติบโตของตลาดบ้านเดี่ยว ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มราคา 10 - 25 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีรายได้สูง มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ต่ำ และไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก รวมถึงยังมีความต้องการที่จะมองหา หรือขยับขยายที่อยู่อาศัย ทำให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บ้านเดี่ยวมีอัตราการขายเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดบ้านกลุ่มอื่น 

“จากปัจจัยบวกเหล่านี้ จึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง ด้วยการขยายพอร์ตของบริษัทฯ สู่โครงการแนวราบ 3 แบรนด์ จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง - บน ได้แก่ Esta บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับราคา 3 - 6 ล้านบาท, The Arbor บ้านเดี่ยวระดับราคา 12 - 20 ล้านบาท และ The Honor บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่เป็นซูเปอร์ลักชัวรี่ ระดับราคา 40 - 60 ล้านบาท  โดยแบรนด์ The Arbor จะเปิดขายบน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ และ รามอินทรา – วัชรพล มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,470 ล้านบาท ซึ่งจะนำร่องเปิดตัวโครงการแรกกับโครงการ The Arbor ดอนเมือง – แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท ในเดือนก.ย.นี้ ” นายกรมเชษฐ์ กล่าว