เศรษฐีเมียนมาแห่ช้อปคอนโดหรู‘อนันดา’เร่งขยายฐานลูกค้าชิงดีมานด์

เศรษฐีเมียนมาแห่ช้อปคอนโดหรู‘อนันดา’เร่งขยายฐานลูกค้าชิงดีมานด์

ตลาดคอนโดมิเนียมห้วงเวลานี้ต้องยอมรับว่าดีมานด์ต่างชาติเข้ามาช่วยพยุงตลาดโดยเฉพาะเศรษฐีเมียนมาที่มีกำลังซื้อสูงต้องการช้อปคอนโดหรู อนันดาสบช่องจับมือเคเอ็มอี พร็อพเพอร์ตี้ หวังขยายฐานลูกค้าเมียนมาเข้ามาซื้อโครงการใหม่-คอนโดพร้อมอยู่มูลค่า3.4หมื่นล้าน

จากตัวเลขศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พบว่า ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างในไตรมาสแรกปี2565มีจำนวน 3,775 ยูนิตเพิ่มขึ้น79%  มีมูลค่า17,128ล้านบาทเพิ่มขึ้น68%บาทโดยสัดส่วนคนจีนยังคงซื้อมากสุด มีจำนวน 1,747 ยูนิตเพิ่มขึ้น46% คิดเป็นมูลค่า 8,191ล้านบาทเพิ่มขึ้น48%  

สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย พบว่าผู้สนใจซื้อโครงการที่พักอาศัยจากซีบีอาร์อีตั้งแต่ปี 2565 ถึงต้นปี 2566 คิดเป็นคนไทย 89% และชาวต่างชาติ 11% โดยลูกค้าชาวต่างชาติที่มองหาคอนโดมิเนียมและบ้านส่วนใหญ่มาจากในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เมียนมา สิงคโปร์ และญี่ปุ่น 


 

โดยลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นถึง 383% และซื้อโครงการบ้านเพิ่มขึ้น 233% ชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว รวมทั้งซีบีอาร์อียังพบว่าลูกค้าชาวต่างชาติกลับมาสนใจซื้อวิลล่าตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่หายไปก่อนหน้านี้

ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง หรือมีวงเงินในการซื้อคอนโดระดับราคา 15-30 ล้านบาท ต้องการคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ลุมพินี สุขุมวิท ปทุมวัน และทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 87%

โดยปีที่ผ่านมามีลูกค้าชาวเมียนมา สิงคโปร์ และไทยหลายรายเข้าทำสัญญาซื้อขายโครงการกับซีบีอาร์อี ในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาท ถึงมากกว่า 100 ล้านบาท  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ขนาด 2 ห้องนอนระดับราคา 15-30 ล้านบาทบนทำเลลุมพินีและสุขุมวิท สำหรับโครงการบ้าน ผู้ซื้อชาวเมียนมาส่วนใหญ่ต้องการบ้านขนาด 4 ห้องนอน ในทำเลกรุงเทพตะวันออกและใจกลางเมืองเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 91%
 

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทมีแผนในการบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเมียนมา  ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องเกินกว่า 150 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าลูกค้าเซกเมนต์นี้มีศักยภาพในการซื้อสูงมาก 

ล่าสุดได้ร่วมกับเคเอ็มอี พร็อพเพอร์ตี้ จะทำการขยายฐานลูกค้าในเมียนมาตลอดปี 2566 ผ่านการนำเสนอโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายรูปแบบทั้งโครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ การจองซื้อโครงการก่อนหรือระหว่างการก่อสร้าง และโครงการพร้อมเข้าอยู่ นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมระดับแฟลกชิป 2 แห่ง คือ ย่านสุขุมวิท และย่านพหลโยธิน-สะพานควาย รวมถึงโครงการพร้อมอยู่พร้อมโอนที่มีมูลค่ารวมถึง 34,000 ล้านบาท 
คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากความร่วมมือในครั้งนี้ ด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มนักลงทุนชาวเมียนมาที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เติบโตต่อไปได้

การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพและแข็งแกร่งอย่าง เคเอ็มอี พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อนำเสนอโครงการระดับพรีเมี่ยมพร้อมการบริการที่มีมาตรฐานในระดับสากลแก่กลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่ผ่านการจัดกิจกรรมโรดโชว์ทั้งในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเฉพาะในตลาดเมียนมา ปีนี้เกินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา เมียนมาขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 7 ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในประเทศไทยมากที่สุด มีมูลค่าเฉลี่ยการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดที่ 7.1 ล้านบาท

ด้าน มิสเมย์ ผู้ก่อตั้ง เมย์แอนด์เดอะไลฟ์สไตล์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคเอ็มอี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า การร่วมมือกับบริษัทผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองอย่าง อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ นั้นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อโครงการได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลางในราคาที่สมเหตุผลสามารถจับต้องได้และความเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของอนันดาฯ สามารถดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก

 การร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กับ เคเอ็มอี พร็อพเพอร์ตี้ มีจุดประสงค์เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าทั้งในเมียนมาร์และทั่วภูมิภาค ตลอดจนสร้างยอดขายในตลาดเมียนมาร์ปีนี้กว่า 300 ล้านบาท และด้วยการผสานความเชี่ยวชาญและข้อมูลอินไซต์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของทั้ง2พันธมิตรจะสามารถมอบโอกาสการลงทุนที่คุ้มค่าและสนับสนุนการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้แก่นักลงทุนได้อย่างเหมาะสมที่สุด