อานิสงส์ปัจจัยลบ-หุ้นผันผวนหนุนอสังหาฯเพื่อการลงทุนบูม

อานิสงส์ปัจจัยลบ-หุ้นผันผวนหนุนอสังหาฯเพื่อการลงทุนบูม

ภาวะผันผวนของตลาดหุ้นหลังการเลือกตั้ง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง! สภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรวมถึงภาวะเงินเฟ้อระดับสูง หนุน “อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน” ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนมากขึ้น

ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์ลงทุนกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 30-40 ปีขึ้นไป หันมาสนใจการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเป็นสินทรัพย์และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็ว ต้องการนำเงินมาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมระดับราคา 5-8 ล้านบาท เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว (Passive Income) แทนที่ลงทุนในตลาดหุ้นอย่างเดียวเนื่องจากมีความผันผวนสูง

เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้น “อสังหาริมทรัพย์” มีความเสี่ยงน้อยกว่า! เพราะเป็นปัจจัย 4 ประกอบกับสถานการณ์การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพัทยา แหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูงมากจนเกินไป โดยก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนกว่า 18 ล้านคนต่อปี
 

ทิศทางดังกล่าวทำให้โครงการในรูปแบบ “ไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์” ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยส่วนที่เป็นผลตอบแทนจากค่าเช่า (Rental Yield) จะอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าคอนโดเพราะมีระบบบริหารจัดการโดยมืออาชีพบริหารจัดการโครงการต่างๆ ในรูปแบบของโรงแรมรีสอร์ทผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลสินทรัพย์หรือหาผู้เช่าเอง

อานิสงส์ปัจจัยลบ-หุ้นผันผวนหนุนอสังหาฯเพื่อการลงทุนบูม

ที่ผ่านมา ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพัทยา 8 โครงการ รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่เปิดบริการในรูปแบบของโรงแรมและพูลวิลล่าแล้ว 4 แห่งคือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน, ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์, เบย์เฟียร์ โฮเทล พัทยา ในปี 2566 เตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ เบย์เฟียร์ พรีเมียร์ สวีท เปิดบริการไตรมาส 3 ส่วนวินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา บลูเฟียร์ พัทยา พร้อมเปิดไตรมาส 4 และ รามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา เตรียมให้บริการในปี 2567
 

สิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กระแสการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่เรียกว่า Investment Property Program หรือ IP Program บริหารงานโดยทีมงานมืออาชีพ ได้รับความนิยมมากขึ้น สะท้อนจากโครงการในเครือออริจิ้น ช่วง 2 ปีที่นำระบบ IP Program มาใช้มีนักลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยประเภทเซอร์วิส อพาร์ตเม้นต์เพื่อการลงทุนแล้วกว่า 2,000 ยูนิตจาก 10 โครงการ ที่ออริจิ้นนำมาขายผ่านระบบดังกล่าว วางแผน 2 ปีข้างหน้า (2567-2568) จะเพิ่มพอร์ตเป็น 5,000 ยูนิต

อานิสงส์ปัจจัยลบ-หุ้นผันผวนหนุนอสังหาฯเพื่อการลงทุนบูม

“IP Program เป็นคอนเซปต์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบใหม่ ที่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ โดยนักลงทุนที่เข้าซื้อห้องพักในโครงการจะได้สิทธิ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด สามารถซื้อ-ขายต่อเปลี่ยนมือได้ ยกให้เป็นมรดก หรือ นำไปเป็นสินทรัพย์ในการค้ำประกันสินเชื่อได้ด้วยเช่นกัน”

ผลตอบแทนหรือเงินปันผลได้จากการลงทุนนั้นจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับทำเลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ เช่น ทำเลในเมืองย่านทองหล่อ หรือสุขุมวิท 24 ค่าเช่าเฉลี่ย 800-900 บาทต่อตร.ม. ทำเลต่างจังหวัด 300-400 บาทต่อตร.ม.

สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนโครงการใหม่ล่าสุดที่นำมาทำการตลาดและขายให้กับนักลงทุนผ่าน IP Program คือ ออริจิ้น เพลส บางนา เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์มี 399 ยูนิต คาดว่าจะได้รับความสนใจนักลงทุน

ล่าสุดกลุ่มชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ร่วมกับวี บียอนด์ และไอเอฟซีจี ซึ่งดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในการขยายช่องทางการขายโครงการของชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ บลู ไดมอนด์ จำนวน 30-40 ยูนิต และ ดิ อิสสระ เชียงใหม่ 100 ยูนิต เพื่อนำเสนอให้กลุ่มนักลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน คาดช่วยเพิ่มยอดขายได้ 10%