‘บีไอดับบลิว’ฝ่าดิสรัปสู่ม่านอัจฉริยะรับเทรนด์สมาร์ทโฮมบูม

‘บีไอดับบลิว’ฝ่าดิสรัปสู่ม่านอัจฉริยะรับเทรนด์สมาร์ทโฮมบูม

กว่า 15 ปีของ “บีไอดับบลิว” ผู้พัฒนาผ้าม่านจากคนรุ่นใหม่ที่ก้าวข้ามความท้าทายและวิกฤติมาทุกรูปแบบ! ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมที่สามารถแก้ปัญหา (Pain Point) ให้ลูกค้า พร้อมต่อยอดม่านม้วน สู่ม่านระบบ Zip และม่านอัจริยะ รับเทรนด์สมาร์ทโฮมบูม

สิริชัย ฤทธิ์ปัญญาวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีไอดับบลิว โพรดัคส์ จำกัด (BIW) ผู้จำหน่ายม่านมูลี่ และม่านม้วนนำเข้าแบรนด์คูลิส กล่าวว่า  การเคลื่อนธุรกิจของบีไอดับบลิว ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เพื่อเป็น “Top of Mind” ในใจผู้คน ในใจคู่ค้า ในใจพันธมิตรธุรกิจ ทุกคนที่อยากทำม่านต้องนึกถึงเรา!

“การสร้างแบรนด์ พัฒนาสินค้าใหม่ สร้างนวัตกรรม และทำตลาดต่อเนื่อง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บีไอดับบลิว ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในตลาดม่านม้วน ภายใต้แบรนด์คูลิสจากเนเธอร์แลนด์ มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าธุรกิจโรงแรม สำนักงาน และโครงการอสังหาริมทรัพย์”

แนวโน้มตลาดสมาร์ทโฮมทั่วโลกขยายตัวสูงมีสัดส่วน 29% ของบ้านทั้งหมดส่งผลให้อุตสาหกรรมผ้าม่านหันให้ความสำคัญกับ “ระบบสมาร์ทโฮม” มุ่งพัฒนาสินค้าเชื่อมต่อระบบสมาร์ทโฮม สั่งงานผ่านเซ็นเซอร์ หรืออุปกรณ์ตั้งเวลาได้ คาดใน 5 ปีข้างหน้าสมาร์ทโฮมในประเทศไทยมีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาทจากปี 2565 เติบโต 17% มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท

“ถ้านำเสนอโซลูชั่นดี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเป็นทางเลือกที่ดีให้ลูกค้า เราสามารถสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาพร้อมกับก้าวเป็นผู้นำได้ไม่ยาก"
 

นอกจากการนำเสนอม่านอัจริยะ Eve Motion ที่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮมได้สามารถเปิดปิดม่านขึ้น-ลง หรือสั่งงานผ่านมือถือ เชื่อมกับ Apple Home Kit หรือ กูเกิลโฮม ซัมซุง ได้บนแอปพลิเคชันเดียว บริษัทยังเปิดตลาดม่านระบบ Zip จากแบรนด์เซิร์จ เฟอรารี่ นวัตกรรมที่ทำให้ผู้ใช้งานใช้พื้นที่ได้ประโยชน์สูงสุด โดยใช้ม่านเป็นฉากที่เปิด-ปิดได้ตามต้องการ เช่น แบ่งโซนภายในห้อง เชื่อมต่อภายในบ้านกับสวนด้านนอก หรือทำโรงรถที่เปิด-ปิดได้โดยไม่เสียพื้นที่ใช้สอย 

พร้อมเพิ่มไลน์ผ้าม่านและผ้าใบสำหรับงานโครงสร้างน้ำหนักเบากลางแจ้ง ที่ใช้เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะที่ทำให้ผ้าแข็งแรง ตึงตัวเป็นพิเศษ หนา นุ่ม ดูเป็นธรรมชาติ คงทน และคงรูปได้นาน

นี่คือแนวทางการสร้างตลาดของบีไอดับบลิว สู่ “น่านน้ำสีคราม” หรือ “Blue Ocean Strategy” สร้างตลาดใหม่ ด้วยการใช้นวัตกรรมเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ก่อนที่จะถูกดิสรัปจากตลาดหรือพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยนำเสนอนวัตกรรมที่เข้ามาแก้ปัญหาลูกค้าที่มากกว่าความต้องการ พื้นฐาน (Basic Needs)

“ตลาดม่านระดับไฮเอนด์ในไทยมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยบีไอดับบลิวครองส่วนแบ่ง 15% ของตลาดม่านม้วนในฐานะผู้นำ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์แนวคิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้เราเติบโต 50% ภายในปีนี้”

บริษัทยังได้ลงทุน 40-50 ล้านบาท ตั้งโรงงานใหม่ 3,000 ตร.ม. เพื่อขยายกำลังการผลิต 1 เท่า จากปัจจุบันมีโรงงาน 3 แห่ง มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท รองรับดีมานด์โดยเฉพาะม่านม้วนเติบโตก้าวกระโดด 2 เท่า  คาดปีนี้จะมีรายได้ 200 ล้านบาทจากปีก่อนมีรายได้ 120 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากม่านม้วน 50% ผ้าม่าน 40% และอื่นๆ 10 %