ผ่าโรดแมป‘เอสซี แอสเสท’ลุยน่านน้ำใหม่เสริมแกร่ง

ผ่าโรดแมป‘เอสซี แอสเสท’ลุยน่านน้ำใหม่เสริมแกร่ง

“เอสซี แอสเสท” ปรับโรดแมปใหม่ด้วยการผสานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ทุกระดับราคาตั้งแต่ 2-150 ล้านบาท และไลฟ์สไตล์ชีวิตทั้งคนโสดยันเกมเมอร์ พร้อมรุกธุรกิจสำนักงาน โรงแรม และคลังสินค้าเป็นน่านน้ำใหม่เสริมแกร่งองค์กรเติบโตยั่งยืน

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ดีมากของธุรกิจอสังหาฯ จากตัวเลขซัพพลายเพิ่มขึ้นมาก บ้านเดี่ยวโต ตลาดลักชัวรีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปโตมาก และคอนโดมิเนียมเริ่มกลับมาทั้งในแง่ซัพพลายและดีมานด์ 

 “ปีนี้เป็นปีที่ดีของอสังหาฯ และดีมานด์ต่างชาติกลับมาด้วย แต่ข้อที่ควรระวังคือ ดอกเบี้ย ภาระหนี้และต้นทุนที่สูงขึ้น อาจเป็นข้อจำกัด แต่หลังจากผ่าน 3 ปีได้ จากนี้น่าจะไปต่อได้ดี”

โรดแมป “เอสซี แอสเสท” 5 ปีจากนี้ (2566-2570) เน้นการเติบโตที่สร้างคุณค่ามากกว่ามูลค่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทำให้เกิดกำไรต่อเนื่องและยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Thriving Beyond มุ่งการเติบโตอย่างมีคุณภาพแบบเหนือชั้นและยั่งยืนจากสิ่งรอบข้าง

“เราผ่านวิกฤติโควิดมาได้พร้อมสร้างสถิติใหม่ในทุกมิติ ทั้งผลประกอบการ รายได้ ยอดขาย กำไร ความสามารถในการลงทุน สถานะทางการเงิน ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ วิกฤติกลายเป็นโอกาสของเอสซี แอสเสท ทำให้องค์กรเติบโตแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น”

การเติบโตจากนี้ เอสซี แอสเสท จึงมองไกลขึ้น เน้นสร้าง “คุณค่า” 4 แกนหลัก ลูกค้า พนักงาน สิ่งแวดล้อม และองค์กร การเติบโตขององค์กรจะมาจากเครื่องยนต์ที่หลากหลาย เนื่องจากปัจจุบันโลกมีความไม่แน่นอน ความผันผวนสูง

จึงต้องมีเครื่องยนต์ธุรกิจที่หลากหลายเพื่อรับมือความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พร้อมผลักดันรายได้ 5 ปีข้างหน้าแตะ 1.5 แสนล้านบาท มีสัดส่วนจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) 20% เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน

ผ่าโรดแมป‘เอสซี แอสเสท’ลุยน่านน้ำใหม่เสริมแกร่ง

โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่ทำสถิติใหม่ ด้วยยอดขาย 30,000 ล้านบาท โต 23% มีรายได้ 25,000 ล้านบาท โต 16% การลงทุนอยู่ในโหมดดุดันไม่ต่างจากปีก่อนที่ลงทุนไป 24,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนหลัก 80% จากเครื่องยนต์หลัก “บ้านและคอนโด” อีก 20% เป็นการลงทุนในเครื่องยนต์ตัวที่สอง ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ ประกอบด้วย ออฟฟิศ โรงแรม และคลังสินค้า

“2ใน3 ของ30,000 ล้านบาทมาจากโครงการแนวราบ 1ใน3 จะเป็นคอนโด ซึ่งตลาดเริ่มกลับมาแล้วจึงรุกทั้ง 2 ตลาด โดยรายได้หลักมาจากบ้านและคอนโด 95% อีก 5% เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำที่กำลังเติบโตมากขึ้น”

ผ่าโรดแมป‘เอสซี แอสเสท’ลุยน่านน้ำใหม่เสริมแกร่ง

บ้านและคอนโดปีนี้เปิดตัว 25 โครงการใหม่ มูลค่า 40,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 22 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว โดยมีไฮไลท์ โครงการ “95E1” ในเซกเมนต์อัลตร้าลักชัวรี ราคา 100-150 ล้านบาท จำนวน 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 970 ล้านบาท

ผ่าโรดแมป‘เอสซี แอสเสท’ลุยน่านน้ำใหม่เสริมแกร่ง

พร้อมตอกย้ำผู้นำตลาดการพัฒนาบ้านเพื่อไลฟ์สไตล์ที่มีความเฉพาะบุคคลด้วยการเปิดตัวบ้านเกมเมอร์ (Gamer’s Home) ที่ร่วมออกแบบโดยเกมเมอร์ชื่อดัง Willcomeback และ MNJ TV เจาะกลุ่มเจ้าของบ้านในสายอาชีพยุคใหม่มาแรง อย่าง Streamer หรือ Content Creator และมีโครงการบ้านที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ Introvert และ Extrovert อีกด้วย

“เรามีสินค้าบ้านเปิดขายราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.5 ล้านบาท ถึงมากกว่า 150 ล้านบาท"

ผ่าโรดแมป‘เอสซี แอสเสท’ลุยน่านน้ำใหม่เสริมแกร่ง

ส่วนโครงการแนวสูง มีแผนเปิด 3 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ใหม่ เจาะคนรุ่นใหม่ 2 ทำเลศักยภาพ ย่านรัชดา-พระราม 9 มูลค่า 5,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท เป็นครั้งแรกที่รุกเซ็กเมนต์นี้ ทำเลที่สอง เกษตร-ศรีปทุม มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีคอนโด “สโคป ประสานมิตร” มูลค่า 2,600 ล้านบาท เจาะลูกค้าต่างชาติระดับพรีเมียม ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและดีไซน์ ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท

เครื่องยนต์ตัวที่สองธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ โฟกัส 3 ธุรกิจ ได้แก่ ออฟฟิศ โรงแรม และคลังสินค้า 

“เทรนด์การทำงานแบบ Hybrid Working ทำให้ความต้องการใช้ออฟฟิศเล็กลง ยืดหยุ่น ต้องการพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซมากขึ้น”

ปัจจุบัน มีพื้นที่เช่า 1.2 แสนตร.ม. จะปรับบริการให้สอดรับพฤติกรรมลูกค้ามากขึ้น ส่วนธุรกิจโรงแรม ตั้งเป้าหมาย 3 ปีจากนี้จะลงทุนกว่า 1,000 ห้องใน 3 โลเคชั่น ได้แก่ YANH ราชวัตร ดำเนินการเองคอนเซปต์ “Workcation Hotel”  รองรับวิถีการทำงานแบบ Remote Working นอกจากนี้มีย่านสุขุมวิท 29 และพัทยา เป็นแบรนด์ใหม่จากเชนโรงแรมที่เข้ามาบริหาร

ธุรกิจที่สาม คลังสินค้า มีการเติบโตสูงทั้งซัพพลายและดีมานด์ เฉลี่ย 5-10% ต่อปี ปัจจุบันตลาดมีซัพพลาย 5,000 ตร.ม. 90% อยู่ในมือของผู้นำ 2 รายใหญ่ จึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซ รวมถึงนโยบาย “China Plus One” ทำให้บริษัทต่างชาติกระจายฐานผลิตจากจีนเข้าอาเซียน ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย โดยปีที่ผ่านมาจับมือกับ แฟลช ร่วมพัฒนาคลังสินค้า และศูนย์กระจายพัสดุทั่วประเทศพื้นที่กว่า 3 แสนตร.ม. ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าให้ได้ 1 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2573