ปักหมุด‘เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์’ผงาดศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯตะวันออก

ปักหมุด‘เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์’ผงาดศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯตะวันออก

แม้ว่าภาพรวมของตลาดอาคารสำนักงานในประเทศไทยถูกมองว่า อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโอเวอร์ซัพพลาย! แต่ยักษ์ใหญ่ประกันชีวิต “เอไอเอ” มองว่ายังมีโอกาสที่เติบโตต่อไปได้ในอนาคต เพียงแต่ต้องเลือก “ทำเล”ที่ใช่!อย่างย่านบางนาที่ตั้งของ“เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์”

นิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้ทุกคนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นทำให้สินค้าและบริการด้านสุขภาพได้รับความนิยม ทางเอไอเอยังคงมีผลประกอบการในการดำเนินงานได้ดี โดยผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น และหลังจากสถานการณ์โควิคคลี่คลายธุรกิจเติบโตมากขึ้น มั่นใจว่าเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ประกอบกับการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยว จะทำให้ธุรกิจกลับมาเติบโตเร็วขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงานและมีดีมานด์สำหรับสินค้าและบริการด้านประกันมากขึ้น ส่งผลดีต่อบริษัทในฐานะเป็นผู้ให้บริการประกันสุขภาพรายใหญ่ในประเทศไทยและได้รับความไว้ใจจากคนไทยมานาน

เหตุผลที่ให้ความสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลงทุนในอาคารสำนักงาน เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจระยะยาวจึงสนใจลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวเช่นกัน ทางเอไอเอมองว่า อสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ดีในการให้ผลตอบแทนกลับมาในระยะยาวให้กับผู้ถือกรมธรรม์ รวมทั้งมีการลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรต่างๆ ด้วย จึงพยายามที่ได้เวอร์ซิฟายพอร์ตในการลงทุนให้หลากหลายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจ

ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมแห่งที่ 3 “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทและนักลงทุนชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หลังจากที่ผ่านมา เอไอเอประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียม 2 โครงการ ได้แก่ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ บนถนนรัชดาภิเษกในปี 2557 และอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ย่านสาทร ในปี 2559 ซึ่งในช่วงที่เกิดสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมามีอัตราการเช่าสูงกว่า 90%
 

ปักหมุด‘เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์’ผงาดศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯตะวันออก

นิคฮิล กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมของตลาดอาคารสำนักงานในประเทศไทยถูกมองว่า อยู่ในภาวะเสื่ยงต่อการเกิดโอเวอร์ซัพพลาย แต่ในมุมมองของเขากลับมองว่า ยังมีโอกาสที่เติบโตต่อไปได้ในอนาคต เพียงแต่ตั้งเลือก “ทำเล” ที่ใช่!   ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจในกรุงเทพฯ ทำให้จะกลายเป็น “ไข่ทองคำ” ที่บาลานซ์และสร้างมูลค่าให้กับพอร์ตเติบโต

ไฮไลท์ของโครงการ “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” ได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้สอยอาคารตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอไอเอ “Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งตอบรับไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพของคนในยุค Next Normal ที่สำคัญไม่มีคู่แข่ง !! ที่เป็นออฟฟิศสำหนักงานเกรดเอ

อีกจุดแข็งสำคัญ คือ ทำเลที่ตั้งโครงการ ที่ปักหมุดบนทำเลที่ดีที่สุดของย่านบางนา ซึ่งเป็นย่าน “Business district” ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ในฝั่งตะวันออก หรือ อีอีซี ถือเป็นประตูเศรษฐกิจสู่เอเชียที่รัฐบาลให้การสนับสนุนส่งเสริมในด้านการคมนาคม และระบบขนส่งทางรางสะดวกเพราะมีทั้งรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในปีนี้ 

โดยที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีเอี่ยมทำให้สามารถเดินทางเข้า-ออกตัวเมืองได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ในอนาคตยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้อีกหลายเส้นทาง อาทิ สายสีน้ำเงิน สายสีเทา สายสีส้ม สายสีชมพู Airport Rail Link และสายสีเขียวอีกด้วย

ปักหมุด‘เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์’ผงาดศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯตะวันออก

โครงการเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ถูกออกแบบให้เป็นอาคารสำนักงานความสูง 33 ชั้น มีพื้นที่ประมาณ 136,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่ขนาดประมาณ 10 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด กม.4.5 มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 70,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก 5 ชั้น ประมาณ 10,000 ตารางเมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 20 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่รีเทลชั้น 1-3 มีทั้งร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อ พื้นที่ฟิตเนส และสระว่ายน้ำบนชั้น 4

และพื้นที่ Coworking Space บนชั้น 4-5 ส่วนพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั้งหมดประมาณ 60,000 ตารางเมตร จะตั้งอยู่บนชั้น 6-33 ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 85 ตารางเมตร ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มชั้น 2,270 ตารางเมตร โดยสามารถจัดสรรพื้นที่การทำงานได้หลายรูปแบบ

ปักหมุด‘เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์’ผงาดศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯตะวันออก

นอกจากนี้ พื้นที่ระหว่างชั้นยังสามารถติดตั้งบันไดภายในออฟฟิศได้ เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน เน้นความโปร่งโล่งด้วยความสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน 3 เมตร ที่สำคัญไม่มีเสากั้นกลางพื้นที่เช่า ทำให้ใช้สอยพื้นที่ได้ทุกตารางเมตร โดยคิดอัตราค่าเช่าเปิดตัวที่ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน มั่นใจว่า สามารถดึงดูดบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอีอีซีและในประเทศเข้ามาใช้บริการ ล่าสุดได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่สนใจเข้ามาดูโครงการ เพื่อเช่าพื้นที่

พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนลงทุนสร้างอาคารสำนักงานแห่งที่ 4 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเช่าพื้นที่ทำงานระดับพรีเมียมมากขึ้นในทำเลที่เป็นศูนย์กลางของย่านธุรกิจ จากปัจจุบันที่บริษัทมีพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวมกันทั้งสิ้น 167,000ตร.ม.!!