ดีมานด์สร้างบ้านพุ่งซีคอนทุ่ม200ล้านผุดโรงงานชิ้นส่วนสำเร็จรูปเพิ่ม

ดีมานด์สร้างบ้านพุ่งซีคอนทุ่ม200ล้านผุดโรงงานชิ้นส่วนสำเร็จรูปเพิ่ม

“ซีคอน” ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นดีมานด์สร้างบ้านพุ่งทุ่มงบ200ล้านสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 บนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ ย่านลำลูกกาคลอง 12 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต1.2แสนชิ้นต่อปี ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2,500 ล้านบาท

นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด  เผยว่าในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,500 ล้านบาท โดยล่าสุดมีลูกค้าจองสร้างบ้านและอยู่ระหว่างปรับแบบ ยังไม่ได้เซ็นสัญญามูลค่าสูงถึง 1,200 ล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์นรวมถึงการพัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด

ในปีนี้บริษัทเข้าร่วม2 งานใหญ่ คือ งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Focus 2023 ระหว่างวันที่ 8 – 12 มีนาคม ที่อิมแพค เมืองทองธานี Hall 6 และงานบ้านและสวน Select 2023” ระหว่างวันที่ 18 – 26 มีนาคม ที่ไบเทค บางนา

ขณะเดียวกันมีแผนลงทุน200ล้านบาทสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 บนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ บริเวณย่านลำลูกกาคลอง 12 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปจำนวน 120,000 ชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการก่อสร้างบ้านได้ประมาณ 800-900 ยูนิต โดยในระยะแรกจะผลิตได้ประมาณ 60,000 ชิ้นต่อปี ทั้งนี้เนื่องจากความต้องการสร้างบ้านเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว 
 

นอกจากนี้เปิดตัวแบบบ้านใหม่สไตล์ Minimal Series ทั้งหมด 9 แบบ เน้นความเรียบง่าย ผสมผสานความทันสมัย ด้วยการลดทอนส่วนตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อโชว์ให้เห็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านได้อย่างชัดเจน ตัวบ้านเน้นโทนสีอ่อนที่เรียบง่ายเป็นหลัก  อาทิ แบบบ้าน  Minimal 1092 ขนาดพื้นที่ใช้สอย 1,092 ตารางเมตร พื้นชั้นล่างเป็นลักษณะ open แปลนบ้านออกแบบฟังก์ชันให้มีความต่อเนื่อง ไม่มีผนังมากั้นขวาง อีกทั้งยังใช้บานหน้าต่างที่สูงถึงชั้นบนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้พื้นที่มีความโปร่ง สบาย ประกอบด้วย ห้องนอนจำนวน 4 ห้อง ห้องน้ำ 5 ห้อง จอดรถได้ 4 คัน

 นายสุรเชษฐ์ สายนุช ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการซีคอน กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ  SEACON ID จะเป็นกลุ่มบ้านระดับสูงราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งลูกค้ามีความต้องการบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง รวมถึงกลุ่มเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรที่ต้องการให้สร้างบ้านให้กับลูกค้า ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจาเพื่ออรับสร้างในโครงการบ้านเดี่ยวแบบพูลวิลล่าที่หัวหินจำนวน 35 ยูนิต  โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดของของ SEACON ID ไว้ที่ 500 ล้านบาท พร้อมวางแผนในการขยายฐานลูกค้าไปในต่างจังหวัดให้มากขึ้นโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 1,920 ล้านบาท สูงกว่าปี 2564 ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการไม่หยุดนิ่งในด้านพัฒนากลยุทธ์การตลาด  และมองหาโอกาสใหม่ ๆ เช่น การให้บริการ Turn Key ครบวงจร ของ SEACON ID ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้ความต้องการสร้างบ้านขนาดเล็กเริ่มกลับมามากขึ้น ทำให้ภาพรวมในปี 2565 ซีคอนมียอดเซ็นสัญญารับสร้างบ้านสูงถึง 1,247ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดนับตั้งแต่อตั้งบริษัทมาได้ 62ปี

โดยสัดส่วนยอดขายของซีคอนมาจากฐานลูกค้าที่มีความต้องการบ้านอยู่อาศัยขนาดใหญ่และบ้านขนาดกลางเป็นหลัก โดยเฉพาะบ้านขนาดใหญ่ ราคา 8 – 50 ล้านบาทขึ้นไป พื้นที่ใช้สอย 351 ตารางเมตรขึ้นไป มีสัดส่วนการจองสร้างบ้านสูงถึง 50% และอีก35% เป็นบ้านขนาดกลาง ราคา 5 – 7.9 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย  200 – 350 ตารางเมตร ส่วนบ้านขนาดเล็ก ราคา 2 – 4.9 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอยไม่เกิน200 ตารางเมตร มีสัดส่วนแค่ 15% เท่านั้น