คอนโดคัมแบ็ค!เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวโต ดันคอนโดฟื้นตัวรอบ3ปีคาดยอดขายพุ่ง

คอนโดคัมแบ็ค!เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวโต ดันคอนโดฟื้นตัวรอบ3ปีคาดยอดขายพุ่ง

นายกสมาคมอาคารชุดไทย ประเมินตลาดคอนโด ฟื้นตัวในรอบ 3 ปี รับปัจจัยบวกโควิด คลี่คลาย เศรษฐกิจขยายตัว ท่องเที่ยวเติบโต จับตากำลังซื้อต่างชาติ เตรียมเข้าไทย แต่ยังกังวลทิศทางอัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์การเมืองคาดยอดขายกรุงเทพฯ -ปริมณฑลพุ่ง2-2.5แสนล้านบาท

ที่ผ่านตลาดคอนโด“หดตัว”จากวิกฤติโควิด-19 จากมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ปี2563 ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลต่ำที่สุดในรอบ 17 ปีมาแล้วแต่หลังจากมีการเปิดประเทศ โควิดคลี่คลาย “พีระพงศ์ จรูญเอก”นายกสมาคมอาคารชุดไทยฟันธงว่า ปี 2566 คอนโดคัมแบ็ค! ในรอบ3ปี นำร่องจากคอนโดราคาล้านต้นๆตอบรับกับกำลังซื้อที่อ่อนแอลง

นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2566 จะเป็นปีที่ตลาดคอนโดมิเนียมจะฟื้นตัว โดยประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโต 40% จากปี 2565 เนื่องจากปีที่แล้วมีฐานต่ำ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการที่รถไฟฟ้าหลายสายทั้งสีเหลือง สีชมพู สีแดงจะเปิดให้บริการ ซึ่งส่งผลดีต่อตลาด นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีรายได้สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย 

ทั้งนี้คาดว่าปีนี้ตลาดบ้านจะทรงตัวหลังจากที่เติบโตมาเฉลี่ยปีละ 3-4% ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่คอนโดมิเนียมที่ตลาดลดลงไปเยอะ ปีนี้จะฟื้นกลับมาประมาณ 80% เทียบช่วงก่อนเกิดโควิด โดยคาดว่าจะมียอดขาย 2-2.5 แสนล้านบาท ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 1.5 แสนล้านบาท ส่วนต่างจังหวัดคาดว่าจะมีประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท

“เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าปีนี้จีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 5% เพราะภาคบริการ ท่องเที่ยวเราดีมาก สังเกตได้จากธุรกิจโรงแรมของออริจิ้นที่ทองหล่อราคาขึ้นเป็นคืนละ 6,000 บาท จากเดิม 2,000 บาท หรือโรงแรมไอบิส ภูเก็ต ราคาขยับขึ้นมา คืนละ 3,600 บาท จากเดิมคืนละ 900 บาท เกิดจากดีมานด์อั้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยว”

ค่าครองชีพยุโรปสูง ดันท่องเที่ยวไทย

ขณะเดียวกันการที่เศรษฐกิจโลกถดถอยมองว่าจะกลายเป็น ประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวยุโรปส่วนหนึ่งจะมาเปลี่ยนมาเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเที่ยวในยุโรปสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนนหนึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นถึง 30%

“นอกจากนี้การที่พฤติกรรมคนไทยเป็นมิตรกับคนต่างชาติก็เป็นอีกจุดเด่นของประเทศไทย รวมถึงความไม่เป็นระเบียบของไทยเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ก็เป็นจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาติชื่นชอบ เรียกว่าจากจุดด้อยกลายเป็นจุดเด่นเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน”

นอกจากนี้การที่ประเทศจีนกับสหรัฐมีปัญหาความขัดแย้งกัน ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการหันมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยประเทศไทยจะได้เปรียบคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามในด้านโครงสร้างพื้นฐานน้ำ ไฟฟ้า แต่เวียดนามได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่ต่ำกว่า แต่ไฟดับบ่อย มีพายุเป็นภัยตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

นายพีระพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้การจัดระเบียบสังคมใหม่ของจีนที่ควบคุมกิจกรรมของมหาเศรษฐี ได้สร้างความอึดอัดทำให้เริ่มออกมาอยู่ต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยการไปซื้ออสังหาฯ ในอังกฤษ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ส่วนคนชั้นกลางของจีนนิยมมาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย

ซึ่งตลาดต่างประเทศของไทย ที่ผ่านมามีคนฮ่องกงเข้ามาซื้อจำนวนมาก คาดว่าต่อไปจะเป็นกลุ่มไต้หวัน ขณะที่ตลาดรัสเซีย ปัจจุบันเริ่มมีเข้ามาไทยมาขึ้น โดยชาร์เตอร์ไฟลท์มาภูเก็ตวันละ 3เที่ยว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละกว่า 1,000 คน ถือเป็นโอกาสที่ดีของตลาดอสังหาฯในปีนี้ โดยเฉพาะคอนโดที่ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง
 

จับตาดอกเบี้ย-การเมือง

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า จากสัญญาณดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ทำให้สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้ยอดขายตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาบวก 40% อีกครั้ง ส่วนตลาดต่างจังหวัดมีปัจจัยบวกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่อาจสูงกว่า 40%

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดกลับมาคือเศรษฐกิจกลับมา จ้างงานเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้น กำลังซื้อเพิ่มขึ้นทำให้คนมั่นใจที่ซื้ออสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับราคา 1 ล้านกว่าบาท ที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อง่าย ก่อนที่ปี 2567 เซกเมนต์กลางราคาประมาณ 2-4 ล้านบาท จะกลับมา และในปี 2568 จะเป็นเวลาของเซกเมนต์บน ขณะที่ปัจจัยลบที่กังวลคืออัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และสถานการณ์การเมืองเล็กน้อย

คอนโดคัมแบ็ค!เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวโต ดันคอนโดฟื้นตัวรอบ3ปีคาดยอดขายพุ่ง

ส่วนภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ก่อนโควิดตลาดส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท, 3-5 ล้านบาท และ 5 ล้านบาทขึ้นไป แต่หลังจากเกิดโควิดแพร่ระบาดตลาดเปลี่ยนไป ดีมานด์อยู่ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท และ 2-4 ล้านบาท สะท้อนว่ากำลังซื้ออ่อนแอลง

ในส่วนของออริจิ้น ตามแผนปี 2566 จะเปิดตัวโครงการใหม่ 40 โครงการ กระจายทุกทำเลเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าครอบคลุมโดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบแนวทางเส้นรถไฟฟ้า ทั้งสายสีเหลือง แดง ชมพู