Lady Féerie ของ Van Cleef & Arpels

 Lady Féerie ของ Van Cleef & Arpels

คอลเลคชันเครื่องบอกเวลา Féerie นี้ คือการหลอมรวมทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ ในการประดิษฐ์นาฬิกาข้อมือเข้ากับงานหัตถศิลป์

นับแต่ก่อตั้ง Van Cleef & Arpels ยกย่องความงดงามของเหล่าเทพธิดา นางฟ้าผ่านบรรดาผลงานสร้างสรรค์อันล้วนจุดประกายความฝัน และปลุกจินตนาการถึงดินแดนมหัศจรรย์ ล่าสุด เมซงได้นำแนวคิด และแนวทางการออกแบบอันทรงเอกลักษณ์มารังสรรค์ขึ้นเป็นนาฬิกาข้อมือ Lady Féerie watch (เลดี เฟรี วอทช์)ผลงานใหม่สำหรับเติมเต็มคอลเลคชันเครื่องบอกเวลา Féerie นี้ คือการหลอมรวมทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ ในการประดิษฐ์นาฬิกาข้อมือเข้ากับงานหัตถศิลป์ตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมลงสู่สัดส่วนตัวเรือนซึ่งมีขนาดเพียง 33 มม.รองรับฉากแห่งความวิจิตรบรรจงดุจฝันของนางฟ้าบอกเวลาผ่านไม้คทาร่ายมนต์ท่ามกลางแสงละมุนตาจากจันทร์กระจ่างกลางฟ้าราตรี .

 

ประหนึ่งเทพธิดาอารักษ์ นางฟ้าเจ้าของเรือนร่างอรชรอยู่ในอาภรณ์ประดับเพชรและไพลินทอดสายตาปกปักษ์ไปยังท่วงทำนองบทกวีบอกเวลา (Poetry of Time) ของ Van Cleef & Arpels เพชรเดี่ยวต่างวงหน้าของเธอทอประกายสว่างสุกใสตัดกับผืนทิฆัมพรไล่โทนฟ้าถึงน้ำเงินบนแผ่นแม่มุกมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ลสลักลายร่องบากเป็นหยักคลื่นรัศมีอย่างที่เรียกว่าเทคนิคกวิโญเช (guilloche) กลมกลืนกับโทนสีของคู่ปีกโปร่งแสงบนกลางหลัง อันเป็นประดิษฐกรรมจากลีลาผสมผสานทับซ้อนระหว่างงานลงยาลายฉลุ “ปลิการฌูร” (plique-à-jour) และลงยาเคลือบสี “กรีซายล์” (grisaille) นี่เป็นครั้งแรกที่เมซงนำเทคนิคหัตถศิลป์สุดประณีตนี้มาใช้ร่วมกันบนแผ่นโมทิฟชิ้นเดียวเพื่อก่อมิติความลึกสลับลูกเล่นไล่โทนบนปีกนางฟ้า

ซึ่งยังทวีอำนาจสะกดสายตาด้วยมนตราของงานฝังเพชรสุดละเอียด พิถีพิถันเพื่อเดินขอบตามเส้นลายลงยา รูปกายอันบอบบางบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจนกำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆแผ่นแม่มุกมาเธอร์-ออฟ-เพิร์ลสีขาวเหลือบระยับ ใช้ไม้คทาร่ายมนต์ของตนต่างเข็มนาที ในขณะที่งานเจาะช่องกลมเป็นดวงจันทร์อาศัยตัวเลขสลักบนแผ่นแม่มุกรองหลังบอกชั่วโมงอยู่ท่ามกลางวงรัศมีตระการตา ส่วนด้านหลังของนาฬิกาคือจานเหวี่ยง (oscillating weight) สลักลวดลายเป็นจันทร์เต็มดวงบนผืนฟ้าประดับดาว 

 

ทักษะแขนงต่างๆ ในการผลิตนาฬิกาข้อมือ, เครื่องประดับอัญมณี และงานหัตถศิลป์ตามธรรมเนียมดั้งเดิม ถูกระดมมาใช้ในการสรรค์สร้างฉากความงดงามสุดวิจิตรดุจบทกวี และก่อลีลาเคลื่อนไหวได้ดั่งมีชีวิต นาฬิกาข้อมือ Lady Féerie อาศัยกลไกขับเคลื่อนแบบขึ้นลานในตัวหรือระบบไขลานอัตโนมัติ (self-winding) ประกอบกับจักรกลเข็มนาทีแบบตีกลับ (retrograde) และจักรกลช่องบอกเลขชั่วโมง (jumping hours) ระบบกลไกสุดซับซ้อนซึ่งต้องทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้องนี้ ต้องอาศัยความประณีต พิถีพิถัน และแม่นยำเป็นอย่างสูง ทั้งในแง่ของการออกแบบ และการประกอบชิ้นส่วนให้ลงตัวอยู่ภายในกรอบตัวเรือนรุ่น Lady ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ 33 มม. เท่านั้น นอกจากนั้น งานประดับกระจกไพลินแผ่นกลมบนตัวเรือนยังช่วยเร่งความเข้มแสง ซึ่งส่องผ่านเข้ามา พร้อมกับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความละเมียดละไมในการตกแต่งโครงสร้างรูปทรงขั้นตอนสุดท้ายให้แก่นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้ 

 

จุดเริ่มต้นหนึ่งในขนบธรรมเนียมทางงานออกแบบอันเป็นที่รักยิ่งของ Van Cleef & Arpels บรรดาเครื่องประดับจำลองรูปลักษณ์เรือนกายอิสตรีรุ่นแรกของเมซงได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1940 ในรูปแบบของเข็มกลัดนางฟ้า และนางระบำปลายเท้า (บัลเลรินา) สำหรับเครื่องประดับนางฟ้าอันเป็นตัวแทนความสุข เบิกบานใจ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง สามารถชนะใจเหล่านักสะสมได้อย่างรวดเร็วด้วยท่วงท่าอากัปงามสง่า กับปีกที่แสนบอบบาง ในลีลาคล้ายเตรียมพร้อมโบยบินสู่ห้วงเวหน บ่อยครั้งที่วงหน้าเพชรเดี่ยวเหลี่ยมกุหลาบจะครองมงกุฎ หรือเครื่องประดับศีรษะแบบต่างๆ นับจากปี 2007 กับนาฬิกาข้อมือ Lady Féerie เรือนแรก เจ้าของทรวดทรงเพรียวบาง สะโอดสะองเหล่านี้ราวกับทำหน้าที่คอยบอกโมงยามไม่ต่างอะไรจากตำแหน่งผู้พิทักษ์แห่งบทกวีบอกเวลาของ Van Cleef & Arpels