SEO Trends 2021 : 10 เทรนด์ SEO 2564 ที่ควรรู้ “สาธิตา โสรัสสะ”

SEO Trends 2021 : 10 เทรนด์ SEO 2564 ที่ควรรู้  “สาธิตา โสรัสสะ”

จาก SEO Specialist (ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO) ฝ่าวิกฤตโควิด เพราะแค่ติดหน้าแรก Google อาจไม่พอแล้วในยุคนี้

ในยามที่ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ รองรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป การก้าวสู่โลกไซเบอร์ การทำตลาดออนไลน์ และการทำคอนเท้นท์หรือสื่อแบบเดิมๆ อาจไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป เพราะแม้แต่การติดหน้าแรก Google (กูเกิล) ก็อาจไม่พอเสียแล้วนะคะ แต่ต้องทำให้สินค้าและบริการติดใจ โดนใจ ลูกค้าที่ไม่ได้เปิดค้นหาจากกูเกิลด้วยค่ะ เรียกว่าออนไลน์ ออฟไลน์ ต้องมาหมด

เทคนิคของ Search Engine Optimization หรือ SEO เพื่อหวังผลการจัดอันดับหรือติด Rank ใน Google หรือติดอันดับผลการค้นหาใน Search Engines กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในยุคนี้ เพราะแต่ละวันมีการค้าหาจากกูเกิลสูงถึง 3,500 ล้านครั้งนะคะ ซึ่งการจะทำให้ SEO เป็นเครื่องมือสำคัญในธุรกิจของคุณ อาจจะมาจากหลายองค์ประกอบ อย่างน้อยคุณต้องมีช่องทางเชื่อมโซเชี่ยลมีเดีย โดยต้องมีเวบไซต์เป็นตัวนำสำคัญให้ติด Rank ของกูเกิล ได้เร็วและมากกว่าช่องทางอื่น

วันนี้ขอรวบรวมมาประมาณ 10 อย่าง เรียกว่าเป็น SEO ไอเดีย สาย Content ฝ่าวิกฤตโควิดกันนะคะ ที่บอกว่าเป็นสาย Content เพราะคนส่วนใหญ่หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO อาจไม่เข้าใจทางสายเทคนิคของ SEO ซึ่งจะค่อนข้างยุ่งยาก เลยขอแนะนำให้เดินมาทางสาย Content จะเข้าใจและสามารถทำได้ง่ายกว่าค่ะ แต่ควรเป็นคนที่ชอบเขียนหรือมีทีมที่ชอบเขียนด้วยนะคะ

1. Content is King

ไม่ว่าจะเป็นช่องทางขายใด อย่างที่บอกแล้วว่าเนื้อหาสำคัญที่สุด คอนเท้นท์ที่ดีต้องมีทุกมิติ ทั้งเป็นข้อมูลเชิงลึก มีความยาวเหมาะสม และเนื้อหามีคุณภาพ พยายามสร้างคอนเท้นท์ใหม่ๆขึ้นมาเอง เพราะกูเกิลจะมีเครื่องมือตรวจจับ หากคุณก๊อปคนอื่นมาบ่อยๆ นอกจากคุณไม่สามารถติด Rank ของกูเกิลได้แล้ว คุณก็ไม่ภาคภูมิใจนะคะ แต่หากคุณเป็น Original Content ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณจะมีความภาคภูมิใจมากกว่าค่ะ แม้ในที่สุดจะถูกก๊อปออกไปมากมาย แต่กูเกิลก็จะมีเครื่องมือที่ทราบว่าคุณเป็นคนแรกอยู่ดีค่ะ

นอกจากนี้การที่คุณสร้างคอนเท้นท์เป็นคนแรก ยังไม่ต้องพะวงว่าจะโดนฟ้องลิขสิทธิ์เรื่องและรูปอีกด้วย ลองเลือกเรื่องที่เกาะกระแสสังคมหรืออยู่ในความสนใจ เวลาตั้งชื่อเรื่องในการเขียนก็ควรเลือกหัวข้อให้ปังให้โดนด้วยนะคะ หากยิ่งมีพวกตัวเลขเป็นคำนำหน้าในการตั้งชื่อเรื่อง จะยิ่งติดโอกาสในการค้นหาได้สูงค่ะ เช่น 10 ที่เที่ยวเชียงใหม่ในหน้าหนาว (คือควรมีคำว่า 10 , 20 เป็นต้นค่ะ เพราะเป็นเลขที่คนนิยมค้นหา)

เวลาเขียนเรื่องลงในเวบไซต์ เพื่อให้ติด Rank ในกูเกิล อย่างน้อยควรเขียนสัก 2 หน้ากระดาษเอ 4 นะคะ เราจะไม่แนะนำเหมือนคนอื่นว่าจะยาวกี่คำ เพราะบางคนก็งงว่ากี่คำจะนับอย่างไร และการเขียนเนื้อหาต้องมี Sub Title หรือหัวข้อย่อยไปเรื่อยๆ นะคะ

คอนเท้นท์ที่ดีด้วยตัวเองจะทำให้คุณเป็น SEO ที่สามารถแซงหน้า Google Ads ขึ้นมาได้ ลองใส่คำว่า รีวิว ในคอนเท้นท์ที่คิดว่าดีด้วย เพราะบางทีคนจะอยากดูว่ามีใครรีวิวสิ่งที่เขากำลังค้นหาบ้างไหม

2. Keyword is Queen

หากจะบอกว่าคอนเท้นท์คือความสำคัญที่มาก่อนสิ่งอื่นใดแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือKeyword นี่ละค่ะ Keyword (คีย์เวิร์ด) คือคำค้นหา หรือคำอธิบายสิ่งใดสิ่งหนึ่งสั้นๆ นั่นเอง หลายๆ คนก็จะค้นหาจากคำๆ หนึ่งในใจของเขาผ่าน Search Engine ของกูเกิล

คีย์เวิร์ดในยุคนี้ไม่ใช่ว่าสั้นและกระชับจะดีที่สุด คนกลับค้นหาจากคำค้นหายาวๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเพื่อการนำไปสู่การซื้อสินค้าและบริการ ในยุคก่อน คนอาจค้นหาจาก Mass Keyword คำกว้างๆ คำค้นหาสั้นๆ ที่มีปริมาณการค้นหาสูงมาก แต่คู่แข่งก็เยอะมาก  

ยุคนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินจาก Longtail Niche Keyword หรือคีย์เวิร์ดแบบยาว แม้ปริมาณค้นหาด้วย Longtail Niche Keyword จะมีปริมาณน้อยกว่าแบบ Mass แต่หากเรานำเว็บไซต์ตัวเองมาติดที่คำนี้ได้ โอกาสขายสินค้าได้จะมีสูงมาก เรียกได้ว่าเป็น Keyword ทำเงินเลยทีเดียว และจะต้องเป็นคำที่แสดง ยี่ห้อ ชื่อรุ่น ทำเล ที่ตั้งร้านแบบชัดๆ คนที่ค้นหาด้วย Longtail Niche Keyword แสดงว่าเขาต้องการสินค้านั้นจริงๆ

3. ภาพและวีดีโอก็สำคัญ ต้องตั้งชื่อไฟล์ และใส่ Caption รองรับการค้นหา จริงๆแล้วContent มีวิธีการนำเสนออยู่ด้วยกัน 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ 1 ข้อความตัวอักษร 2 รูปภาพ 3 Infographic และ 4 วีดีโอนะคะ โดยแต่ละ Content อาจใช้การนำเสนอหลายประเภทรวมกันได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายคนที่ผลิตคอนเท้นท์ เขาก็นิยมใส่การนำเสนอหลายๆ แบบดึงความสนใจ

แต่มีข้อแนะนำว่า สำหรับการทำ SEO ซึ่งหลายคนมองข้ามแต่สำคัญมาก เพราะมันจะทำให้คุณติดอันดับ Rank ได้เช่นกัน นั่นคือทุกอย่างที่คุณใส่ลงไปต้องตั้งชื่อไฟล์ด้วยนะคะ ไม่ใช่ก๊อปมาวางแล้วใส่เป็นเลขอะไรหรือคำอะไรก็ได้ เพราะหากคุณใส่คีย์เวิร์ดเข้าในภาพ หรือวีดีโอ หรืองานกราฟฟิค มันจะช่วยดันคุณให้ติดอันดับ Rank ของกูเกิลด้วยนะคะ  

4. สร้าง InternalLink และพยายามหา Backlink

การสร้างเว็บไซต์ให้ติด SEO นั้น นอกจากต้องจัดทำเนื้อหาให้สอดคล้องและตรงตามความต้องการผู้บริโภค ถูกต้อง และมีความน่าเชื่อถือแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญคือการทำ InternalLink หรือ On – Page และ Backlink หรือ Off – Page

On – Page SEO นั้น นอกจากจะสร้างเว็บไซต์ให้ถูกค้นหาได้ง่าย วางผังให้เข้าใจง่าย และมีความน่าเชื่อถือแล้ว จะต้องพยายามใส่ลิ้งค์เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับคอนเท้นท์ใหม่ๆ เช่นอาจจะเป็นลิ้งค์ของข้อมูลเก่าๆ เข้ามาด้วย เพื่อสร้างปริมาณ Trafflic ให้มากขึ้น 

ขณะที่ Off – Page SEO คือให้เว็บไซต์ภายนอกช่วยโปรโมทเราให้เป็นที่รู้จัก และน่าเชื่อถือ และเพิ่ม Traffic ด้วยการใส่ลิงก์ refer กลับมาที่เว็บไซต์หรือโพสท์อื่นๆ ของเรา หากเป็นเวบขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถือจะยิ่งเพิ่มอันดับของเราให้ดีขึ้น

5. สร้างบทความที่มีชีวิตระยะยาว หรือ Long Term Goal ดีกว่าเป็นแบบ Short Term Goal

บทความที่ดีควรมีอายุให้คนอ่านได้ยาวนาน จะดีกว่าบทความที่มีอายุสั้นแค่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นก็กลายเป็นบทความที่ OUT เพราะกูเกิลจะเก็บคุณไว้ในกระแสเสมอ ควรจะเขียนบทความแนะนำเรื่องราวต่างๆ ที่มีคุณค่า จะทำให้บทความของคุณยืนยาวตลอดไป

อย่าเพิ่งตกใจหากคุณต้องใช้เวลานาน จึงจะทำให้ติดอันดับของ SEO เพราะบางทีต้องใช้เวลา แต่หากคุณคิดว่าเจออะไรแปลกๆ ที่กระแสสังคมสนใจ รีบเขียนเรื่องนั้นเป็นคนแรกๆ ทำตัวตนให้ Expert ด้านนั้นไปเลย แล้วอีกไม่นาน Rank ของคุณจะตามมา

6. ใส่แฮชแทก รองรับการค้นหา

ขอแนะนำให้ใส่ Hashtag (#) ด้วยคีย์เวิร์ดสำคัญลงในโพสต์เสมอ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นสิ่งที่เราโพสต์ เมื่อมีการค้นหาคำเหล่านั้นใน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram หรือแม้แต่บทความของคุณในกูเกิล การใส่ Hashtag ทำให้หลายธุรกิจก็เป็นที่รู้จักมาจาก Hashtag กันเยอะแล้ว

ลองใช้แฮชแทกจำนวนมาก เพื่อการถูก Search ลองนั่งคิดว่าอะไรเกี่ยวพันกับเรา หรือลองโหลด เวบ TopTags จะมีหมวดหมู่ต่างๆ เลือกให้ตรงกับธุรกิจเรา สามารถก๊อปมาใช้งานได้เลย เพราะเขาเป็นเวบที่คิดคำแฮชแทกให้อยู่แล้ว

7. Simple is Best อย่าซับซ้อนจนคนงง เขียนบทความให้เป็นธรรมชาติ อย่าโหมใส่ Keyword จนดูผิดความจริง

เวลาเขียนเรื่องต่างๆหรือทำคอนเท้นท์ บางคนวางโครงเรื่องสลับซับซ้อนจนคนงง และไม่ชวนอ่าน อย่าลืมว่าคนสมัยนี้ได้รับข่าวสารเยอะ จึงเปิดผ่านข้อมูลต่างๆ ไปอย่างรวดเร็วนะคะ แม้จะแนะนำให้พยายามใส่ Keyword ติดใน 1-2 ย่อหน้าแรก แต่ก็ควรกระจายคีย์เวิร์ดให้เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่โหมใส่จนผิดความจริง เพราะกูเกิลก็มีเครื่องมือจับได้เช่นกันค่ะ และคนอ่านก็จะงงว่าทำไมคุณโหมใส่คำขนาดนั้น 

8. ทุกบทความอาจไม่ดีที่สุด แต่ให้ขยันโพสท์  และเกาะกระแสเทศกาล

มักมีคำถามบ่อยๆ นะคะว่าโพสท์ Content  บ่อยแค่ไหนจึงจะดี จริงๆ แล้วไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องลองค่อยๆ ทำว่าลูกค้าตอบสนองกับแบรนด์คุณแค่ไหน ลองโพสต์ Content สัก 2-3 วันต่อชิ้น หรือหากมีเวลาลองโพสท์ทุกวัน ซึ่งเป็นแนวคอนเท้นท์ให้ความรู้ นอกเหนือจากคอนเท้นท์ขายของเรา และลองทำคอนเท้นท์ให้อิงกระแสเทศกาลต่างๆ ที่กำลังมาถึง

บางทีผู้อ่าน เพื่อนๆ หรือลูกค้ายังจะช่วยแชร์ Content ของเราให้คนอื่นๆ รับรู้อีกด้วย เพิ่มผู้ติดตามรายใหม่ และส่งผลให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น สรุปว่าต้องลองทดสอบนะคะ

และหากเจอโพสท์ไหนดี แคปเก็บไว้เป็นตัวอย่าง แล้วลองทำคล้ายๆ เขา แต่ไม่ได้แนะนำให้ก๊อปมาทั้งดุ้นนะคะ

9. อย่าขายหลายสินค้าในบทความเดียว

การเขียนคอนเท้นท์หรือทำ SEO ในองค์กรหรือสินค้าของคุณ ควรจะโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปนะคะ อย่าโหมขายสินค้าหรือลงทุกเรื่องราวในบทความเดียว มันอาจทำให้คุณไม่ได้รับผลอย่างที่ควร อาจจะค่อยๆ เพิ่มทีละน้อยจะดีกว่าค่ะ 

10. ทำรูป 1 รูปปิดท้ายเพื่อขายตัวตนคุณ บอกช่องทางติดต่อ

ทุกเรื่องราวควรปิดท้ายเพื่อนำมาสู่การขายหรือภาพลักษณ์ ดังนั้นคุณควรทำรูปหรือช่องทางปิดท้ายให้คนอื่นทราบว่า จะติดต่อคุณได้อย่างไร เพราะหลายคนทำคอนเท้นท์ดีมากๆ จนติด SEO แต่ในที่สุดลูกค้ากลับไม่รู้ว่าจะติดต่อคุณได้อย่างไร สิ่งที่คุณทำมาทั้งหมดอาจไม่เห็นผลนะคะ

ขอให้ Content ของทุกท่านประสบความสำเร็จดังหวัง และฝ่าวิกฤตโควิด -19 ไปอย่างราบรื่นค่ะ

http://www.blogtech.biz/

http://www.blogtech.biz/class/2