ภาวะตลาดแบบนี้! ลงทุนแบบไหน? ตอบโจทย์

ภาวะตลาดแบบนี้! ลงทุนแบบไหน? ตอบโจทย์

 

ในภาวะตลาดแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามและความลังเลว่าจะลงทุนอะไรดี? หากลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียวก็กลัวว่าจะได้รับผลตอบแทนน้อยไปไม่ทันเงินเฟ้อ แต่หากลงทุนในหุ้นทั้งหมดอาจเสี่ยงเกินไป เผลอๆ อาจจะมีโอกาส ติดดอยก็เป็นได้ อ้าว! แล้ว“คำตอบ”คืออะไร?

การลงทุนมีความเสี่ยง เราต้องศึกษาข้อมูลก่อน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เรื่องการลงทุน  หรือขอคำปรึกษาจากกูรูผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาการลงทุนตามสำนักต่างๆ ส่วนใหญ่ล้วนแนะนำตรงกันให้นักลงทุน “จัดพอร์ตการลงทุน” แล้วการ “จัดพอร์ตการลงทุน” ต้องทำยังไง? ดีจริงมั้ย

ก่อนจะไปเรียนรู้เรื่องการจัดพอร์ต ขอข้ามไปตอบแบบแมนๆ เลยว่า การจัดพอร์ตการลงทุนนั้น มัน...ดีที่สุดเลย หากดูจากงานวิจัยหลายๆ ฉบับที่ศึกษากันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุน จะเห็นว่ามีอยู่ 3 ปัจจัยที่มาพร้อมกับโอกาสคือ

1.การจัดพอร์ตการลงทุน (Asset Allocation) มีโอกาสประสบความสำเร็จ 93%

2.การคัดเลือกหุ้น (Stock Picking) มีโอกาสประสบความสำเร็จ 5%

3.การจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) มีโอกาสประสบความสำเร็จ 2%

เห็นชัดๆกันไปเลยว่า “แชมป์เปี้ยน” ที่ทำให้มีโอกาส ประสบความสำเร็จในการลงทุนมากที่สุดคือ “การจัดพอร์ตการลงทุน” นั่นเอง... แล้วเราจะเลือกทางไหน? แน่นอน ก็ต้องจัดพอร์ตการลงทุนสิครับ..

การจัดพอร์ตการลงทุนนั้น พูดง่ายๆ คือ การกระจายการลงทุน ในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, อสังหาริมทรัพย์ หรือ ทองคำ เป็นต้น ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเยอะสิ่ง อย่างเดียวไม่ได้เหรอ? เคลียร์ให้ชัดกันไปเลยว่า เพราะการลงทุนเพียงอย่างเดียว อาจเสี่ยงเกินไป ซึ่งประโยชน์ของการลงทุน ในหลายสินทรัพย์นั้น เพื่อกระจายความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวน ของราคาสินทรัพย์แต่ละประเภทที่เราลงทุนนั่นเอง ดั่งวลียอดนิยม ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ปรมาจารย์ด้านการลงทุนระดับโลกที่ว่าอย่าใส่ไข่ทั้งหมด ไว้ในตระกร้าใบเดียว เพราะหากตะกร้านั้นเกิดเป็นอะไรไป ไข่ก็จะเสียหายทั้งหมด!!

ได้รู้ถึงประโยชน์ของการจัดพอร์ตการลงทุนไปแล้ว มาดูกัน ว่าจะจัดพอร์ตการลงทุนยังไงดี?

4 ขั้นตอนที่เราแนะนำคือ..

ขั้นตอนที่ 1 รู้จักตัวเองก่อน สิ่งที่ต้องทำคือ หาคำตอบ ให้รู้ใน 3 เรื่อง นั่นคือ 1.ต้องรู้ถึงเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของ การลงทุนก่อน เอาให้ชัด ให้เคลียร์ ว่าเราลงทุนเพื่ออะไร ระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้นานแค่ไหน 2.ต้องรู้จักความเสี่ยงที่ตัวเรารับได้ เพราะแน่นอนว่าการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง ย่อมมีความเสี่ยงสูงตามมาเช่นกัน ซึ่งต้องเลือกให้ถูกจริตกับตัวเรา และ 3.ต้องรู้ผลตอบแทนที่คาดหวัง ว่าเราอยากได้ประมาณไหน เมื่อเรารู้จักตัวเองครบทั้ง 3 ข้อแล้ว ก็น่าจะมีไอเดียว่า หน้าตาของพอร์ตการลงทุนที่เราต้องการเป็นแบบไหน

โดยขอยกตัวอย่างพอร์ตการลงทุนแบบง่ายๆ ดังนี้

ภาวะตลาดแบบนี้! ลงทุนแบบไหน? ตอบโจทย์

ที่มา: set.or.th

พอร์ตการลงทุนมีให้เลือกแค่นี้เองเหรอ?  คำตอบคือ มีมากกว่า นี้อีกหลายแบบ (อันนี้เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างแบบง่ายๆ)

ขั้นตอนที่ 2ต้องศึกษาหาความรู้” เกี่ยวกับเครื่องมือที่เราจะใช้ลงทุน นั่นคือ สินทรัพย์แต่ละประเภทที่เราจะเข้าไปลงทุนนั่นเอง โดยอาจจะศึกษาหาข้อมูลของสินทรัพย์ต่างๆ จากหนังสือหรือเว็บไซต์ ต่างๆ หรือง่ายที่สุดก็ไปขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาการลงทุนโดยตรงเลย

ขั้นตอนที่ 3 “ลงทุนเลยสิ” จะรออะไร? เมื่อศึกษาข้อมูลมีความรู้แล้วก็ไม่ต้องรีรอ เริ่มเลย ท่องไว้ เริ่มต้นไว แบบมีวินัยก็ถึงเป้าหมายเงินล้านได้

ขั้นตอนที่ 4 ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญนั่นคือ ต้องคอยมอนิเตอร์ หรือ ติดตามผลการลงทุน รวมทั้งมีการปรับแผนการลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์ด้วย

นี่คือ 4 ขั้นตอนสำคัญ ที่จะเป็น “คำตอบ” ทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนนั่นเอง

แต่...ถ้ายังคาใจว่า โอ๊ยยย...ยากจัง ไม่มีเวลาที่จะติดตามขนาดนั้น ก็พอมีทางเลือกอื่นคือ ลงทุนผ่านกองทุนรวมผสมที่มีการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ หรือ ถ้าคิดอยากจัดพอร์ตการลงทุนเดี๋ยวนี้บางธนาคารเค้ามีบริการจัดพอร์ตกองทุนแบบครบวงจรโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งคัดเลือกกองทุน จัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมให้เรา รวมทั้งปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดด้วย

ผู้ที่สนใจลงทุน หรือต้องการวางแผนจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุน สามารถติดต่อขอคำปรึกษา และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tmbbank.com/tmbadvisory หรือ โทร. TMB Investment Line 1558 กด #9

เขียนโดย TMB Advisory