BDMS เปิดแนวทางรักษาหัวใจเฉียบพลัน ด้วยมาตรฐานและเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่

BDMS เปิดแนวทางรักษาหัวใจเฉียบพลัน ด้วยมาตรฐานและเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่

การประชุมวิชาการประจำปี BDMS Academic Annual Meeting 2025 เปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์มาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โชว์การใช้ AI ช่วยลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเสริมการรักษาโรคหัวใจเฉียบพลัน เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ผู้ป่วย

ภายในงาน BDMS Academic Annual Meeting 2025 มีการบรรยายพิเศษจากบุคลากรทางการแพทย์ตามลักษณะกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งวันที่ 4 ของการจัดประชุมวิชาการ ไฮไลต์สำคัญ มีการบรรยายเกี่ยวกับการอัปเดตการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน หัวข้อ “Acute Coronary Syndrome Update 2025” 

BDMS เปิดแนวทางรักษาหัวใจเฉียบพลัน ด้วยมาตรฐานและเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่

นายแพทย์ เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า แนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันในปี 2025 มีการปรับปรุงตามมาตรฐานสากล โดยแนวทางใหม่เน้นการฟื้นฟูหลอดเลือดให้สมบูรณ์ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีถ่ายภาพหลอดเลือด และอุปกรณ์ช่วยพยุงการไหลเวียนโลหิตขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดอัตราการเสียชีวิต

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ ดำรัส ตรีสุโกศล อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ได้บรรยายหัวข้อ “Cardiogenic Shock 2025” กล่าวว่า ภาวะช็อกจากหัวใจ เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ มักเกิดหลังอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการรักษา โรงพยาบาลในเครือ BDMS ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทีมแพทย์เฉพาะทางที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ พร้อมนำเทคโนโลยีเครื่องมือช่วยพยุงระบบไหลเวียนเลือดเข้ามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยภาวะช็อกจากหัวใจ ได้แก่ เครื่อง Intra-aortic balloon pump (IABP) indications และเครื่อง Impella 

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ ดำรัส ตรีสุโกศล อายุรแพทย์โรคหัวใจ รพ.หัวใจกรุงเทพ เปิดเผยว่า กลุ่มโรงพยาบาลในเครือ BDMS ให้ความสำคัญกับ “คน” และ “แบรนด์” ที่เป็นหัวใจหลักของการดำเนินงาน โดยหลังจากสร้างความเข้มแข็งของแบรนด์แล้ว โรงพยาบาลยังพัฒนากระบวนการรักษาให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งเครือ ผ่านการจัดทำ Protocol ทางการแพทย์ ที่เป็นระบบและมีมาตรฐานระดับสากล

“เราเป็นโรงพยาบาลเดียวในประเทศไทยที่มี Protocol ที่เป็นมาตรฐานชัดเจน สามารถนำเสนอให้ประชาชนและสื่อมวลชนเห็นได้อย่างโปร่งใส คล้ายกับการมี ‘รัฐธรรมนูญทางการแพทย์’ ที่กำหนดแนวทางการรักษาไว้เป็นลำดับขั้น ซึ่งทีมแพทย์และบุคลากรทุกคนจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งมีการตรวจเยี่ยมและประเมินผลเป็นระยะ” ศ.คลินิก นพ.ดำรัส กล่าว

BDMS เปิดแนวทางรักษาหัวใจเฉียบพลัน ด้วยมาตรฐานและเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่

นอกจากมาตรฐานด้านกระบวนการแล้ว โรงพยาบาลยังให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือช่วยชีวิต เพื่อให้สามารถช่วยผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีในภาวะหัวใจวิกฤติ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องทำการ “ช็อกไฟฟ้าช่วยชีวิต” หรือฟื้นคืนการไหลเวียนโลหิต

ศ.คลินิก นพ.ดำรัส อธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือสำคัญ 2 ชนิดที่ใช้ในการพยุงการทำงานของหัวใจ ได้แก่

  • Intra-aortic balloon pump (IABP) indications เครื่องพยุงหัวใจที่ทำงานโดยการใส่บอลลูนเข้าไปในหลอดเลือดแดงใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงหัวใจในช่วงที่หัวใจคลายตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนมากขึ้น
  • Impella เครื่องช่วยพยุงหัวใจอีกชนิดหนึ่งที่ใส่เข้าไปในหัวใจโดยตรง ทำหน้าที่ช่วยสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่หัวใจอ่อนแรงหรือไม่สามารถบีบตัวได้ตามปกติ

“ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยชีวิตผู้ป่วยภาวะ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมของ BDMS ในการยกระดับมาตรฐานการดูแลรักษาให้ทัดเทียมระดับโลก” ศ.คลินิก นพ.ดำรัส กล่าวทิ้งท้าย