คนตัวเล็กรวมพลังพลิกวิกฤติขยะ สร้าง 'ธุรกิจชุมชน' ศูนย์ MRF บ้านฉาง

คนตัวเล็กรวมพลังพลิกวิกฤติขยะ สร้าง "ธุรกิจชุมชน" ศูนย์ MRF บ้านฉาง จากกองขยะมหาศาล จนสามารถเปลี่ยนสิ่งไร้ค่าให้กลายเป็นโอกาส เพิ่มรายได้บนเส้นทางความยั่งยืนให้กับชุมชนและโลกใบนี้
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ที่ระยอง มีพิธีเปิดศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร หรือ MRF อย่างเป็นทางการ โดยดำเนินการในรูปแบบ Community Enterprise หรือ "ธุรกิจชุมชน" งานนี้มีบุคคลสำคัญระดับจังหวัดมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองมาเป็นประธานในพิธีเปิด
ศูนย์ MRF บ้านฉาง แห่งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความหวังของจังหวัดระยองในการ แก้ไขปัญหาขยะ ในชุมชนอย่างยั่งยืน โดยทำหน้าที่ เก็บขยะรีไซเคิล จากชุมชนเพื่อคัดแยกประเภทและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลด้วยนวัตกรรมฝีมือคนไทย ได้รับทุนในการก่อตั้งจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย หรือ Dow ใช้เทคโนโลยีที่คิดค้นโดยนักวิจัยไทยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
เพราะเป็นกิจกรรมเพื่อชุมชน ดังนั้นคนที่จะเข้ามาทำงานที่ศูนย์นี้จึงเป็นคนในชุมชนด้วยเช่นกัน ปุ๊ - นันท์นภัส โคตรวิชา, หนิง - บุณณดา ดิษยาลภัส และ ติ๊ก - ดวงพร บุญค้ำ สามแม่บ้านในชุมชนประชุมมิตร จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
"ตอนแรก ผอ. กองสาธารณสุข มาชวนพวกเราทำเรื่องคัดแยกขยะ แล้วส่งไปอบรมเรื่องการจัดการและการคัดแยกขยะ ที่ศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีจัดการขยะชุมชนตาลเดี่ยว จังหวัดสระบุรี ทีแรกพวกเราก็มองไม่ออกว่าคืองานอะไร แต่ก็ไปเพราะคิดว่าดูงานก็เหมือนไปเที่ยว" 3 สาว กล่าว
นันท์นภัส โคตรวิชา กล่าวว่า สถานที่ที่เราไปดูงานเป็นบ่อขยะของเทศบาลส่งกลิ่นเหม็นมาก จากนั้นก็มีการสอนเรื่องประเภทของขยะพลาสติก พูดถึงขวด PET HDPE Hi-Density ศัพท์แสงยาก ฟังแล้วก็งงไปหมด พอเข้าวันที่สองกับวันที่สาม ก็เป็นภาคปฏิบัติแยกขยะรีไซเคิล กระป๋องอะลูมิเนียม กระป๋องสังกะสี สอนให้กรีดฉลาก แยกสีฝา คือรายละเอียดเยอะมาก จำได้หน้าลืมหลัง เราเป็นแค่แม่บ้านมาเจอแบบนี้เครียดสุดๆ
เพราะไม่ได้เตรียมใจจะต้องมาเจอกับสิ่งยากเช่นนี้ ดังนั้นทุกวันหลังอบรมเสร็จ ก็จะเกิดคำถามว่า พวกเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้ แต่ในที่สุดเมื่ออบรมหลักสูตรครบ 5 วัน ทั้ง 3 คนที่เห็นความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ที่มาสอนจึงตัดสินใจที่จะลองสู้สักครั้ง
ภารกิจแรกของ ศูนย์ MRF คือ ต้องลดจำนวนขยะในชุมชน เริ่มจากการประชาสัมพันธ์ไปตามชุมชนให้รู้ว่าอำเภอบ้านฉางของเรามีศูนย์รับซื้อวัสดุรีไซเคิลตั้งขึ้นแล้ว จากนั้นต้องสอนให้ชาวบ้านรู้จักวิธีการคัดแยกขยะเพื่อเพิ่มมูลค่า แล้วนำขยะที่คัดแยกเพื่อนำไปรีไซเคิลต่อไป ดังนั้น 3 สาวจึงเริ่มงานด้วยการตระเวนออกไปตามบ้านในชุมชนเพื่อชักชวนให้นำขยะในครัวเรือนที่สามารถรีไซเคิลได้มาขาย โดยใช้เครือข่ายจิตอาสาตามหมู่บ้านที่พวกเธอเคยทำอยู่
"ช่วงแรกเราไม่รู้อะไรเลย ความรู้ที่ไปอบรมเอามาใช้กับที่นี่ไม่ได้ทุกเรื่อง เราต้องโทรถามพี่ที่วว. ตลอด เขาก็สอนวิธีรับซื้อ ต้องเช็กราคา แล้วก็สอนเราว่าต้องไปสอนชาวบ้านแยกขยะรีไซเคิลมาตั้งแต่ต้นทาง เราจะได้ไม่ยุ่ง สรุปคือพวกเราก็ต้องทำไปเรียนรู้ไปด้วย"
แต่เวทีนี้ยังมี "พี่เลี้ยง" ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่คอยซัพพอร์ตให้ภารกิจสำคัญนี้สามารถเดินไปถึงฝั่งให้ได้ โดย วว. มีหน้าที่มาช่วยวางระบบในการคัดแยกขยะ รวมถึงให้คำปรึกษาทุกปัญหา และยังมีทีมงานจาก กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย หรือ Dow คอยสนับสนุนการบริหารงานและการประชาสัมพันธ์
แต่เดิมคนในชุมชนไม่รู้จักเรื่องการแยกขยะรีไซเคิลมาก่อน ซึ่งปกติจะมี "ซาเล้ง" เข้ามารับซื้อขยะรีไซเคิลตามบ้านโดยให้ราคาไม่สูง แต่ชาวบ้านก็พอใจเพราะไม่อยากเก็บให้รกบ้าน "ชาวบ้านบางคนบอกว่าเก็บกองท่วมบ้านขายให้ซาเล้งได้เงินแค่ 20 บาท พอได้เงินน้อยพวกเขาเลยไม่สนใจ"
พวกเธอคอยสอนให้ชาวบ้านรู้จักแยกขยะตามประเภท โดยใช้ราคาเป็นสิ่งจูงใจ "จากเดิมชาวบ้านเอาขยะรวมๆ กันมาให้เราเหมือนตอนขายให้ซาเล้ง แต่เราจะให้ความรู้ชาวบ้านว่าเรารับซื้ออะไรบ้าง ให้ราคาเท่าไหร่แล้วเอาไปทำอะไร คือเราสอนชาวบ้านว่าถ้าแยกประเภทมา อันนี้จาก 2 บาท จะได้เป็น 4 บาท อันนี้ได้ 7 บาท ชาวบ้านก็รีบกลับบ้านไปตั้งใจแยกขยะกันใหญ่เลย"
หลังจากที่ตระเวนให้ความรู้เรื่องการแยกขยะรีไซเคิลมาได้ระยะหนึ่งก็ได้รับความสนใจจากชุมชนอย่างมาก ถึงขนาดบางคนนำสมุดปากกามาจดวิธีการแยกขยะรีไซเคิลที่ถูกต้องกันเลย ทุกวันนี้ชุมชนหลายๆ แห่งสามารถแยกขยะตามประเภทได้ถูกต้องตั้งแต่ต้นทางก่อนนำมาขายที่ ศูนย์ MRF
นอกจากนี้ ศูนย์ MRF ยังได้จับมือกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) เข้าไปตั้งจุดรับซื้อขยะรีไซเคิลผ่านกิจกรรมที่ตลาดบ้านฉัน@อำเภอบ้านฉาง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ชักชวนให้คนที่มาเดินซื้อของในตลาดนำขยะรีไซเคิลมาขาย มีโปรโมชัน มีระบบจัดการสมาชิก พร้อมสะสมแต้มจากยอดขายและแลกเป็นของใช้ได้อีกด้วย
"เรามีจัดโปรโมชันด้วยการแถมไข่ไก่ให้กับสมาชิกทุก 50 บาทที่ขายขยะรีไซเคิลได้ รับไข่ไก่ไป 1 ฟอง โปรนี้ทุกคนชอบมาก นอกจากนี้ก็มีของใช้และของกินให้แลก เช่น มาม่า ปลากระป๋อง น้ำมันพืช"
หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่งทุกคนที่มาชอปปิงที่ตลาดแห่งนี้จะนำขยะที่แยกแล้วติดมาด้วยเพื่อนำมาขาย ซึ่งเป็นผลดีที่ทำพวกเธอเลยไม่ต้องตระเวนไปรับซื้อตามบ้านอีกแล้ว เพราะมีการพูดปากต่อปากจึงขยายผลออกไปอย่างรวดเร็ว
"ครั้งแรกที่พอรู้ว่าเราต้องทำอาชีพรับซื้อขยะก็รู้สึกอายมาก แต่ทุกวันนี้เราไม่เรียกว่าขยะแล้ว เราเรียกมันว่าวัสดุรีไซเคิล เวลาเราออกไปรับซื้อก็จะมีคนทักทายต้อนรับเรา ชวนกินข้าว ปฏิบัติกับเราเหมือนญาติ ได้มิตรภาพใหม่ๆ"
เมื่อกิจกรรมนี้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนอย่างแท้จริงจึงมีการพูดปากต่อปาก แต่ภารกิจยังไม่หมดตราบใดที่ขยะยังเก็บไม่หมด แผนขั้นต่อไปจึงขยายจากบ้านไปสู่ โรงเรียน วัด และออกไปสู่ชุนชนใกล้เคียง
"กลยุทธ์ที่ใช้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อจูงใจให้เขาเอาขยะรีไซเคิลมาให้เรา จากเดิมที่รับขยะตามชุมชนใกล้ๆ ศูนย์ ตอนนี้ขยายพื้นที่ออกไปไกลขึ้น จากเขตตำบลบ้านฉางของเรา ตอนนี้เราเริ่มข้ามเขตไปเทศบาลนครมาบตาพุดแล้ว อีกกลยุทธ์คือเปิดเฟซบุ๊กชื่อ ศูนย์ต้นแบบคัดแยกและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลบ้านฉาง MRF และ LINE ชื่อ MRF บ้านฉาง ระยอง ทำให้ได้สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาก"
หลังการรณรงค์ของศูนย์ MRF ไปได้สักระยะหนึ่งผลที่เห็นได้ชัดคือ "ชาวบ้านตั้งใจนำวัสดุรีไซเคิลมาขายให้ศูนย์มากขึ้น เพราะเขาคิดว่าศูนย์นี้มีบริษัท Dow ให้การสนับสนุน จึงเชื่อมั่นว่าขยะรีไซเคิลที่ขายให้กับเราจะได้รับการนำไปรีไซเคิลที่ถูกต้อง ทำให้ทุกคนเริ่มตื่นรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เป็นความภาคภูมิใจของเขาด้วย"
ปัจจุบันศูนย์ MRF ดำเนินการก้าวสู่ปีที่ 3 เพื่อเดินหน้าสู่ภารกิจใหม่ "ตอนนี้เราไม่ได้ทำแค่ซื้อมาขายไปแล้ว แต่เรากำลังทำเรื่อง upcycling เพื่อเพิ่มมูลค่าขยะ นอกจากนี้ยังต้องทำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับหน่วยงานและชุมชนอื่นๆ และสุดท้ายศูนย์นี้จะต้องก้าวสู่ Community Enterprise (วิสาหกิจชุมชน) ซึ่งเป็นงานยากขึ้น เพราะเราต้องบริหารจัดการในเชิงธุรกิจเพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดและยั่งยืน"
งานจากนี้ไปคงยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะใครๆ ก็ตั้งความหวังกับศูนย์ MRF ที่จะมาเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการขยะรีไซเคิลในชุมชน เมื่อถามพวกเธอว่าจะสู้ต่อหรือพอแค่นี้
"เมื่อก่อนพวกเราเป็นแม่บ้าน แต่ตอนนี้เราเดินไปที่ไหนก็มีคนรู้จักทักทายเรา มีลูกค้าหลายคนบอกกับเราว่าอย่าเพิ่งหยุดนะ ต้องไปต่อนะ เพราะเขาเห็นว่าศูนย์ฯ เราทำเพื่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ ดูสิว่าคนเหล่านี้ยังอยากให้เราทำอยู่เลย เกิดเป็นพลังบวกให้กับเราสามคนในการสร้างทุกๆ วันที่ดียิ่งขึ้นต่อไป" นันท์นภัส กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวของ ศูนย์ MRF บ้านฉาง จึงไม่ใช่เพียงโมเดลจัดการ ขยะรีไซเคิล แต่คือพลังของคนเล็กๆ ที่ลุกขึ้นสู้กับกองขยะมหาศาล จนสามารถเปลี่ยนสิ่งไร้ค่าให้กลายเป็นโอกาส สร้างทั้งรายได้ ความภาคภูมิใจ และอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชุมชนและโลกใบนี้







