ซีพี สานภารกิจ 3 ประโยชน์ ลงพื้นที่ 5 จังหวัด มอบทุนการศึกษา สานฝันอนาคตลูกทหารหาญ

ซีพี สานภารกิจ 3 ประโยชน์ ลงพื้นที่ 5 จังหวัด มอบทุนการศึกษา สานฝันอนาคตลูกทหารหาญ

ร้อยเรียงความดี ซีพี สานภารกิจ "3 ประโยชน์" ลงพื้นที่ 5 จังหวัด มอบทุนการศึกษาและโอกาสทำงาน สานฝันอนาคตลูกทหารหาญ แทนคำขอบคุณต่อความเสียสละเพื่อชาติ

เมื่อวันที่ 7 - 9 สิงหาคม 2568 เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร ผู้บริหารสูงสุดด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ ลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และมุกดาหาร มอบทุนการศึกษาจนถึงปริญญาตรี พร้อมโอกาสทำงานในเครือเจริญโภคภัณฑ์ในอนาคต แก่บุตร-บุตรีรวม 6 คน ของทหารหาญผู้เสียสละชีวิตปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติจากสถานการณ์สู้รบแนว ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 พร้อมทั้งมอบ "กล่องกำลังใจ" ซึ่งจัดเตรียมอุปกรณ์การเรียนตามช่วงวัย "บันทึกกำลังใจ" จากพนักงานเครือซีพี และของที่ระลึกจากกลุ่มธุรกิจในเครือฯ เพื่อส่งต่อพลังใจและความห่วงใยสู่ครอบครัวทหารกล้าด้วยความซาบซึ้งและจริงใจ

นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร ผู้บริหารสูงสุดด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้สอดคล้องกับค่านิยม 3 ประโยชน์ ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เป็นไปตามดำริของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ที่ต้องการส่งต่อความห่วงใยจากเครือฯ สู่ครอบครัวของผู้ที่เสียสละเพื่อชาติ ในนามของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เราขอแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อความกล้าหาญของ ทหารกล้า และขอมอบทุนการศึกษานี้เพื่อสนับสนุนครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังผู้ที่เขารัก และเป็นแรงใจสำคัญให้เดินหน้าต่อไปด้วยความเข้มแข็ง

เริ่มจากครอบครัวแรก คือ ครอบครัวของ สิบเอกจิรายุส อินทุมาน อายุ 31 ปี ทหารหาญ ซึ่งได้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ปัจจุบันมีบุตรี 1 คน วัย 10 ปี

ซึ่ง นางสมพิศ อินทุมาน มารดาของสิบเอกจิรายุส อินทุมาน กล่าวว่า ครอบครัวรู้สึกภูมิใจในตัวบุตรชายมาก ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ในครั้งนี้ ซึ่งครอบครัวตั้งแต่บิดา รวมไปถึงพี่ชายของสิบเอกจิรายุสต่างก็รับราชการเป็นทหาร ตลอดเวลาที่ลูกได้ทำหน้าที่ในการรับใช้ชาติ ท่ามกลางความเสี่ยงต่ออันตรายต่างๆ แม้จะเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ก็แอบแฝงไปด้วยความรู้สึกภูมิใจมาโดยตลอดเช่นกัน ท่ามกลางความสูญเสียที่เกิดขึ้นจนยากที่จะทำใจ ก็ยังคงมีกำลังใจจากผู้คนมากมายทั้งจากคนที่รู้จักและไม่รู้จักส่งมาให้อย่างต่อเนื่องจ นทำให้ตอนนี้ครอบครัวเริ่มกลับมาเข้มแข็งมากขึ้น

ซีพี สานภารกิจ 3 ประโยชน์ ลงพื้นที่ 5 จังหวัด มอบทุนการศึกษา สานฝันอนาคตลูกทหารหาญ

เช่นเดียวกับ นางมธุลิน สีจุ้ยจ้าย ภรรยาของจ่าสิบเอกธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย อายุ 39 ปี ทหารหาญ ผู้สละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยในเหตุการณ์ปะทะบริเวณช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นครอบครัวที่ 2 ที่ เครือซีพี ลงพื้นที่พบปะ ระบุว่า ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน จ่าสิบเอกธีระยุทธเป็นคนที่ดูแลครอบครัวดีมาก ลูกสองคนผูกพันกับพ่อมาก ลูกๆ มีความอดทนเหมือนพ่อ ตอนแรกก็กังวลมาก เพราะต้องดูแลลูกสองคนคนเดียว แต่เมื่อได้รับกำลังใจ และการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน รู้สึกเบาใจลงเยอะมาก ซาบซึ้งใจอย่างที่สุด และต่อจากนี้จะเข้มแข็งให้ได้เพื่อลูก

ขณะที่ ด.ญ. จุฑามาศ สีจุ้ยจ้าย บุตรีคนโต เปิดเผยความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าถึงความฝันในอนาคตว่า อยากเป็นแพทย์ทหาร อยากรักษาทั้งคนทั่วไปและทหาร เพราะไม่อยากให้ใครต้องเสียชีวิตเหมือนพ่ออีก

การสละชีพของ จ่าสิบเอกอโณทัย ป้องแก้ว อายุ 32 ปี ทหารหาญที่สละชีพจากการปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นับเป็นการสูญเสียของ "ผู้เป็นพ่อ" ของ "ลูก" ครอบครัวที่ 3 ที่เครือซีพีลงพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อมอบทุนการศึกษา และโอกาสเข้าทำงานทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ในอนาคต โดยปัจจุบันจ่าสิบเอกอโณทัย มีลูกชายวัย 2 ปี 8 เดือน ซึ่งมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงข้างขวา

นางสาวเพ็ญศิริ ศรีลาภา ภรรยาของจ่าสิบเอกอโนทัย ระบุว่า จ่าสิบเอกอโณทัยมีนิสัยรักครอบครัว เมื่อได้พักจากหน้าที่และกลับมาที่บ้าน ก็มักจะใช้เวลาอยู่กับลูกและภรรยาอย่างใกล้ชิด สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ จ่าสิบเอกอโณทัยเป็นห่วงลูกมาก อยากให้ลูกได้ทำตามฝัน มีอาชีพที่มั่นคง และมีความสามารถด้านภาษา นางสาวเพ็ญศิริ ยืนยันว่า แม้จะสูญเสียสามี แต่ตนเองจะเข้มแข็งเพื่อดูแลลูก และครอบครัวต่อไป และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือ

ซีพี สานภารกิจ 3 ประโยชน์ ลงพื้นที่ 5 จังหวัด มอบทุนการศึกษา สานฝันอนาคตลูกทหารหาญ

ครอบครัวที่ 4 ที่เครือซีพีลงพื้นที่ มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร คือ ครอบครัวของจ่าสิบเอกธวัชชัย บุสภา อายุ 34 ปี ทหารหาญที่สละชีพจากการปะทะที่เขาสัตตะโสม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 โดยที่บ้านอำเภอคำชะอี มีครอบครัวทั้งบิดา มารดา ภรรยา และลูกชายอายุ 1 ปีอาศัยอยู่

โดย นางวิลัย บุสภา ผู้เป็นมารดาจ่าสิบเอกธวัชชัย ได้สะท้อนความในใจ ระบุว่า รู้สึกสะเทือนใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาจ่าสิบเอกธวัชชัย เป็นเสาหลักของครอบครัว รักและดูแลครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ เขาเป็นห่วงลูกชายของเขามาก เคยเปรยว่าหากในอนาคตไม่มีเงินส่งลูกเรียน ก็สามารถให้แม่นำกีตาร์ที่สะสมไว้จำนวนมากมาขายเพื่อนำเงินมาส่งลูกเรียนได้ ซึ่งตนยืนยันว่าจะเลี้ยงหลานร่วมกับลูกสะใภ้ให้เติบโตเหมือนกับที่จ่าสิบเอกธวัชชัยมุ่งหวังไว้

จำนวนนายทหารหาญที่เสียชีวิตจากการปะทะแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา มีทั้งสิ้น 15 นาย จำนวนนี้มี 5 นาย ที่มีบุตร และบุตรี ซึ่งรวมถึงครอบครัวสุดท้ายที่เครือซีพีลงพื้นที่พบปะที่จังหวัดร้อยเอ็ด คือ ครอบครัวของสิบโทต่อพงศ์ พันดวง อายุ 26 ปี ทหารหาญที่เสียสละชีวิตจากการปะทะที่ช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 มีบุตรี 1 คน อายุเพียง 8 เดือน ซึ่งขณะนี้นางสาวพรนภัส พันดวง ภรรยากำลังศึกษาอยู่ และระบุว่า จะรีบกลับไปเรียนให้จบ และทำงานเพื่อมาดูแลลูกให้ดีที่สุดต่อไป

การมอบทุนการศึกษาโดยไม่มีข้อผูกมัด รวมถึงการเปิดโอกาสให้เข้าทำงานทุกกลุ่มธุรกิจใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตลอดจนกำลังใจครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทสะท้อนของ "ความห่วงใยที่จับต้องได้" ที่ เครือซีพี เชื่อมั่นว่า จะหล่อเลี้ยงความหวังให้ครอบครัวผู้เสียสละได้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง ด้วยพลังของความรักจากสังคมไทยที่ไม่ลืม "ทหารกล้า" และครอบครัวของพวกเขา

ซีพี สานภารกิจ 3 ประโยชน์ ลงพื้นที่ 5 จังหวัด มอบทุนการศึกษา สานฝันอนาคตลูกทหารหาญ