'บีไอจี' และ 'กรมสรรพสามิต' ลงนามความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

'บีไอจี' และ 'กรมสรรพสามิต' ลงนามความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

"บีไอจี" จับมือ "กรมสรรพสามิต" ลงนามความร่วมมือในการจัดการตรวจสอบและวิเคราะห์แนวทางลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้ Carbon Management Platform ที่พัฒนาโดยบีไอจี

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต และนายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี เป็นผู้ลงนาม ณ หอประชุม กรมสรรพสามิต กรุงเทพฯ นับเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชนในการนำนวัตกรรม Climate Technology มาใช้ตรวจสอบและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั่วทั้งโลก กรมสรรพสามิต ตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงเร่งผลักดันการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในทุกมิติ โดยเดินหน้าในเรื่องนโยบายและมาตรการต่างๆ ในการเปลี่ยนผ่านและขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 และ EV 3.5 พลาสติกชีวภาพ ภาษีคาร์บอน และอื่นๆ เป็นต้น นอกเหนือจากบทบาทสำคัญของกรมฯ ในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Net Zero แล้ว ภายในองค์กรกรมฯ ได้มีการเดินหน้าและดำเนินการมาตรการต่างๆ รวมถึงส่งเสริมให้มีการลดการใช้ทรัพยากรหรือใช้ทรัพยากรอย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมิติ

\'บีไอจี\' และ \'กรมสรรพสามิต\' ลงนามความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

"การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้กรมฯ ทราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ และแนวทางการใช้พลังงานที่เกิดประสิทธิภาพ เพื่อเป็นข้อมูลที่กรมฯ จะใช้ในการวางแนวทางการยกระดับการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทั้งระบบ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ของ กรมสรรพสามิต ทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน"
 

นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวเพิ่มเติมว่า บีไอจี ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้าน Climate Technology และเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) สำหรับภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนระดับโลก บีไอจีจึงตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน จึงพัฒนา Carbon Management Platform เพื่อใช้จัดการตรวจสอบและวิเคราะห์การปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ พร้อมนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับภาครัฐเป็นครั้งแรกในการตรวจสอบการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้งาน Carbon Management Platform จากบีไอจีนั้น สามารถนำไปวางแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้เป็นข้อมูลจำแนกแหล่งปล่อยคาร์บอนเพื่อใช้ในการคำนวณ Carbon Footprint องค์กร ยกระดับการบริหารจัดการพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยอาศัยความชำนาญของบีไอจีมาช่วยสนับสนุนให้กับกรมสรรพสามิต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน และตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีไอจีที่จะสร้างอนาคตที่สะอาดตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ GENERATING A CLEANER FUTURE ร่วมกัน