ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง TRP ขาย IPO 90 ล้านหุ้น ระดมทุนเสริมแกร่งระยะยาว

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง TRP ขาย IPO 90 ล้านหุ้น ระดมทุนเสริมแกร่งระยะยาว

ก.ล.ต. ไฟเขียว นับหนึ่งไฟลิ่ง TRP เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 90 ล้านหุ้น เตรียมเดินหน้าเข้าเทรดตลาด mai ในปี 66 ระดมทุนเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรในไทย หนุนธุรกิจโตแกร่ง

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ TRP ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.71% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ปัจจุบัน TRP อยู่ระหว่างการเตรียมนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุน (โรดโชว์) เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและเข้าใจภาพรวมธุรกิจชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ภายในปีนี้

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง TRP ขาย IPO 90 ล้านหุ้น ระดมทุนเสริมแกร่งระยะยาว

สำหรับ TRP เป็นผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านคลินิกเวชกรรม ภายใต้ชื่อ ธีรพรคลินิก ให้บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป ก่อตั้งโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าประเทศไทย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมตกแต่งบนใบหน้ามากว่า 40 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากประสบการณ์ มีเครื่องมือแพทย์ครบครัน ทันสมัย และมีมาตรฐานระดับสากล ที่พร้อมให้บริการใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 

  1. การให้บริการหัตถการเกี่ยวกับผ่าตัด ได้แก่ ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ด้วยนวัตกรรม Face-Lock ศัลยกรรมตาสองชั้น ด้วยเทคนิค Eye-Lock รวมถึงศัลยกรรมผ่าตัดจมูก และศัลยกรรมส่วนอื่นๆ ของใบหน้า
  2. การบริการให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำ โดยวิสัญญีแพทย์ที่มีความชำนาญ
  3. การบริการที่ไม่เกี่ยวกับการผ่าตัด และให้บริการผิวพรรณอื่นๆ 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในการขยายกิจการในโครงการต่างๆ เช่น การพัฒนาการวิจัย การก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้า และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของบริษัทฯ ในอนาคต ที่ผ่านมา TRP ได้มุ่งมั่นให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าด้วยความตั้งใจ เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงามให้กับผู้มารับบริการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2563-2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 221.60 ล้านบาท 427.76 ล้านบาท และ 854.07 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 37.15 ล้านบาท 112.68 ล้านบาท และ 270.27 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 369.05 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 105.48 ล้านบาท 

"ทั้งนี้ TRP พร้อมก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจการให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าที่เติบโตตามอัตราของจำนวนผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสอดรับเทรนด์ความสวยความงามที่เปิดกว้างมากขึ้นในปัจจุบันและมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งการทำศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้า โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะที่คิดค้นและพัฒนาโดยทีมศัลยแพทย์ของธีรพร ไม่เพียงช่วยแก้ไขทุกปัญหาให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุด แต่ยังช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการเข้าสังคม ทำให้ TRP เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการทุกเพศทุกวัยมาโดยตลอด นับเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ TRP มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต"

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ กล่าวทิ้งท้ายว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ เพื่อให้ TRP สามารถขยายธุรกิจรองรับการเติบโตของตลาดศัลยกรรมความงามในประเทศไทย และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจตามกลยุทธ์ให้บริษัทเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน ตอกย้ำศักยภาพผู้นำธุรกิจให้บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย