ทำนา 'ข้าว' ก็ช่วย 'ลดโลกร้อน' ได้ จากมือ 'ชาวนารักโลก'

ทำนา 'ข้าว' ก็ช่วย 'ลดโลกร้อน' ได้ จากมือ 'ชาวนารักโลก'

ทำนา "ข้าว" ก็ช่วย "ลดโลกร้อน" ได้ จากมือ "ชาวนารักโลก" สู่ของสมนาคุณรักษ์โลก ที่ปั๊มบางจาก

หากนึกถึงการปลูกข้าว ภาพจำของหลายๆ คนคงไม่พ้นภาพนาข้าวที่มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้ว "ข้าวไม่ใช่พืชที่ต้องแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลา" การปลูกข้าวที่มีน้ำขัง จะทำให้เกิดเศษซากพืชปริมาณมาก และเมื่อย่อยสลายแบบไร้อากาศจะเกิดก๊าซมีเทน หนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของ ภาวะโลกร้อน 

"ข้าวลดโลกร้อน" ได้อย่างไร? 

วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ ต.เดิมบาง อ. เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำนาที่ไม่ให้น้ำขังด้วยวิธี "ทำนาเปียกสลับแห้ง" ภายใต้โครงการ ไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) ซึ่งเป็นความร่วมมือหลักระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตข้าว ใช้เทคโนโลยี 4 ประเภท ในการปรับหน้าดิน ลดการใช้น้ำ ใช้ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม และจัดการฟางข้าว 

การทำนาเปียกสลับแห้งจะไม่ปล่อยให้น้ำขังอยู่ในพื้นที่นาตลอดเวลา ช่วยลดการใช้น้ำในการเพาะปลูก สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยลดปริมาณก๊าซมีเทนที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก๊าซมีเทนทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 27 เท่า ซึ่งการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลงได้ราว 30% เทียบกับวิธีทำนาปกติ จึงเรียกว่า "นาข้าวลดโลกร้อน

ทำนา 'ข้าว' ก็ช่วย 'ลดโลกร้อน' ได้ จากมือ 'ชาวนารักโลก'

"ชาวนาอย่างเรา พอรู้ว่าการทำนามีผลทำให้ โลกร้อน ก็ปรับเปลี่ยนวิถีการทำนาแบบใหม่ ได้ผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ผลผลิตในแปลงเพิ่มขึ้น สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่ลดลง และยังช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกด้วย เราภูมิใจกับชื่อ ชาวนารักโลก" สวณีย์ โพธิ์รัง ผู้จัดการ วิสาหกิจชุมชนชาวนาแปลงใหญ่ เกษตรสมัยใหม่ ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าว

ของสมนาคุณรักษ์โลก แทนคำขอบคุณลูกค้า ที่ปั๊มบางจาก 

บางจากฯ ได้ช่วยสร้างช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน บรรเทาความเดือดร้อนแก่กลุ่มเกษตรกรและชุมชนในภาวะสินค้าราคาตกต่ำและล้นตลาดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2541 โดยคัดสรรผลผลิตจากเกษตรกร และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผลิตโดยกลุ่มชุมชนเพื่อนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้า ตามสถานการณ์ของผลผลิตและความเหมาะสม 

ในเดือนมิถุนายนช่วง วันสิ่งแวดล้อมโลก ออมสุข วิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดย "กลุ่มบริษัทบางจาก" เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในสังคม โดยมีหนึ่งในภารกิจคือการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรและเครือข่ายบางจากฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนทัศนคติในภาคเกษตรกรรมและต้องการร่วมสื่อสารให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง จึงได้สนับสนุนกลุ่ม ชาวนารักโลก ด้วยการรับซื้อ "ข้าวลดโลกร้อน" จำนวน 40 ตัน เพื่อนำมาเป็นสินค้าสมนาคุณแก่ลูกค้าสถานีบริการบางจาก (133 แห่งในกรุงเทพและปริมณฑล) 

"ข้าวลดโลกร้อน" ด้วยเทคโนโลยี 4 ประเภท ดังนี้

  1. ปรับพื้นที่นาด้วยเลเซอร์ ให้เรียบเสมอกันเพื่อประสิทธิภาพการเพาะปลูก 
  2. จัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง 
  3. ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินช่วยลดก๊าซไนตรัสออกไซด์จากดิน 
  4. จัดการฟางและตอซังด้วยน้ำหมักแทนการเผา

สวณีย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกเหนือจากความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วย ลดโลกร้อน แล้ว เราได้อาวุธติดตัวในด้านการผลิตที่ครบวงจรมากขึ้น เดิมเราปลูกข้าวแล้วขายข้าวเปลือกเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงานต่างๆ จากข้าวเปลือกจนมาเป็นข้าวสารที่มีคุณภาพเพื่อส่งถึงมือลูกค้า นับว่าเป็นการพัฒนาศักยภาพที่สำคัญที่จะเป็นประโยชน์กับกลุ่มฯ ต่อไปในอนาคตอย่างมาก

ไม่เพียงแค่ความมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และการเป็นรายแรกและหนึ่งเดียวที่ริเริ่มนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตในชุมชนมาสู่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่สินค้าชุมชนของสมนาคุณทุกชิ้นของ บางจากฯ ยังเปรียบเสมือนคำขอบคุณจากบางจากฯ ที่ไม่เพียงแต่จะมีความหมายต่อผู้ผลิตและผู้รับเท่านั้น แต่สำหรับผู้ให้อย่างบริษัทฯ และผู้ประกอบการสถานีบริการก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทย โดยเฉพาะในสภาวะโลกร้อนเช่นนี้ ที่ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมืออีกด้วย
ทำนา 'ข้าว' ก็ช่วย 'ลดโลกร้อน' ได้ จากมือ 'ชาวนารักโลก' ทำนา 'ข้าว' ก็ช่วย 'ลดโลกร้อน' ได้ จากมือ 'ชาวนารักโลก'