"Conversion Rate" คืออะไร ช่วยเสริมยอดขายธุรกิจออนไลน์ได้จริงหรือไม่?

"Conversion Rate" คืออะไร ช่วยเสริมยอดขายธุรกิจออนไลน์ได้จริงหรือไม่?

Conversion Rate คืออะไร มีความสำคัญในการสร้างยอดขายผ่านเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ได้จริงไหม ต้องทำอย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง? ติดตามอ่านได้จากบทความนี้ 

ในบทความนี้ NerdOptimize จะมาพูดถึงรายละเอียดคอนเทนต์ CRO ตั้งแต่วิธีการ ขั้นตอนการทำ และรวมแหล่งเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ CRO ให้ทุกคนเข้าใจถึงหลักการ

Conversion Rate Optimization (CRO) คืออะไร?

CRO หรือ Conversion Rate Optimization คือการปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคอนเทนต์ในเว็บไซต์ธุรกิจให้มียอดปฏิสัมพันธ์จากการกดปุ่มคลิก CTAs (Call to Action) มากขึ้น เมื่อผู้บริโภคเข้ามาเยี่ยมชมและคลิก CTAs เพื่อติดต่อใช้สินค้าและบริการมาก ก็จะถือว่ามียอด Conversion มากขึ้น เป็นผลดีกับธุรกิจ

การทำ CRO มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้าง Landing Page หน้าหลักเว็บไซต์ ด้วยการใช้แหล่งอ้างอิงจากประวัติพฤติกรรมของผู้ชมบนเว็บ ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย CRO จึงเป็นเครื่องมือเพิ่มประสบการณ์เข้าชมเว็บไซต์ในด้านเชิงบวก ที่ส่งผลให้เกิดการสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง

การทำ Conversion Rate Optimization สำคัญไหม

การใส่ใจทำ CRO เพื่อเพิ่มยอด Conversion มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาวเนื่องจากการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคจากการปฏิสัมพันธ์บนเว็บไซต์ จะเป็นแนวทางช่วยค้นหาวิธีการเพิ่มรายได้ภายในเว็บธุรกิจได้หลากหลายช่องทาง เช่น ถ้ายอด Conversion Rate มาจาก Websearch มาก ก็ต้องออกแบบเว็บด้วยการทำ SEO (Search Engine Optimization) ให้ลิงก์เว็บหน้าหลักถูกค้นพบเป็นอันดับแรกใน Websearch หรือการดีไซน์ปุ่มคลิก CTAs ดูน่าดึงดูด ชวนให้โฟกัสเป็นจุดแรก จะช่วยให้มียอด Conversion Rate มากขึ้น

 

ข้อดีของการทำ Conversion Rate Optimization

ประโยชน์ของการทำ CRO มี 6 ข้อ ดังต่อไปนี้

  1. ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่ดี (User Experiences) ในการรับชมเว็บไซต์ และอาจทำให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าประจำแบรนด์ได้
  2. วิธีทำ CRO ร่วมกับกลยุทธ์ การทำ SEO ช่วยทำให้ผู้ชมที่กำลังใช้ Websearch อย่าง Google ค้นหา และมีความสนใจใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์แบรนด์ สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
  3. การปรับความเร็วบนเว็บไซต์ (Loading Speed) ช่วยให้การท่องเว็บของผู้ชมได้รับการเพลิดเพลินชมคอนเทนต์ได้ไม่มีสะดุด
  4. โครงสร้างในเว็บไซต์มีองค์ประกอบ Layout ที่ดี ช่วยทำให้ยอด Conversion Rate ดีขึ้นตามไปด้วย
  5. สามารถนำยอด Conversion ปัจจุบันมาทำการวิจัยเพื่อปรับปรุงโครงสร้างในการทำ แคมเปญใหม่ เพื่อให้ได้ยอด Conversion Rate ในอนาคตที่ดีมากขึ้น
  6. สร้างรายได้ ชื่อเสียง ความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ในระยะยาว

ปรับเว็บไซต์อย่างไรให้ได้ Conversion Rate สูงขึ้น? ขั้นตอนการทำ CRO

การทำ CRO ปรับเว็บไซต์อย่างไร ถึงจะได้ Conversion Rate ตามที่คาดหวัง ส่วนนี้มีกลยุทธ์เพิ่มยอด Conversion ด้วย 4 กลยุทธ์เด็ด ที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ ดังนี้

 

1. Research : ค้นหาปัจจัย ประเด็นสาเหตุที่ยอด Conversion ตกลง

การวิจัย (Research) เป็นวิธีการศึกษายอด Conversion Rate ในเว็บไซต์ธุรกิจ เพื่อประเมินค่า KPI ในเว็บไซต์ว่ายอดกดคลิกจากผู้เข้าชมในปัจจุบันมีอัตราปฏิสัมพันธ์ที่สูงหรือต่ำแค่ไหน โดยสาเหตุหลักๆ ที่ส่งผลกับยอด Convertion สามารถเกิดขึ้นได้จาก 4 ปัจจัย ได้แก่

  • โครงสร้างการจัดวางเว็บไซต์มีการจัดวางที่ซับซ้อน ยากที่จะรับชมคอนเทนต์ในเว็บต่อ จึงทำให้ผู้ชมเลือกที่จะปิดเว็บออกไป
  • รูปแบบการนำเสนออย่างรูปภาพ คลิปวิดีโอ หรือปุ่มคลิกแบนเนอร์ CTAs ไม่สามารถดึงดูดความสนใจให้กับผู้ชมได้ดีมากพอ
  • อัตราความเร็วในการเข้าชมเว็บมีความล่าช้าเกิน 3 วินาที อาจทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเบื่อหน่าย จึงปิดหน้าเว็บหนีไปเข้าชมเว็บไซต์อื่นแทน
  • กลุ่มเป้าหมายนิยมชมเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ไร้สายอย่างสมาร์ทโฟนมากขึ้น จึงทำให้ประสบการณ์ดูเว็บไซต์ที่ไม่รองรับการเข้าชมผ่านสมาร์ทโฟน ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่พวกเขาได้เลย

2. Hypothesis : ตั้งโจทย์ตัวแปรที่จะทำการทดลอง

การตั้งสมมติฐาน (Hypothesis) คือการตั้งแบบจำลองการปรับปรุงเว็บไซต์สำหรับเตรียมการทดสอบ Layout แบบใหม่ในการวางรูปแบบหน้าเว็บแต่ละจุด โดยส่วนใหญ่จะทำสมมติฐานการปรับปุ่ม CTAs เป็นแบบ Sticky bar, หน้า Banner อันแรกสุด หรือด้านล่างสุด แล้วเปรียบเทียบกันว่าผู้เข้าชมมีอัตราการกด CTAs ตรงส่วนไหนเป็นพิเศษ

ซึ่งการตั้งสมมติฐานจำเป็นต้องมีแบบทดลองขั้นต่ำ 2 แบบ ในการประเมิน เพื่อทำการชี้วัดว่าแบบทดลองเวอร์ชันไหนมียอด Conversion Rate ที่มีประสิทธิภาพมากสุด

3. A/B Testing : กำหนดตัวแปรในการทดลอง

การทดลองทำ A/B Testing เป็นการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพเว็บไซต์ใหม่ทั้ง 2 เวอร์ชัน เป็นแบบ A ที่ดีไซน์แบบเดิม กับแบบ B ที่ปรับเปลี่ยน Layout ใหม่ให้เป็นไปตามการตั้งสมมติฐาน อย่างเช่นการให้ปุ่มคลิก CTAs เป็นแบบ Stikcky bar

จากนั้นตั้งจำนวนประชากรสำหรับการเข้าชมเป็นจำนวนเท่าๆ กันให้เข้าชมเว็บไซต์แต่ละแบบ เพื่อดูประสิทธิภาพของเว็บดีไซน์ทั้งสองตัวว่า มียอด Conversion Rate ที่เพิ่มขึ้นเท่าเดิม หรือน้อยลงมากแค่ไหน

4. Analyze : สรุปผลผลการทดลองตัวแปร

การวิเคราะห์ผลการทดลอง (Analyze) เป็นการดูดัชนีวัดผลจากการทดลองทำ A/B Testing ในระยะเวลาขั้นต่ำประมาณ 1 เดือน ว่า เว็บดีไซน์แบบไหนตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้า และเป็นการทำ CRO ที่เหมาะกับเว็บไซต์ของเรามากที่สุด

ถ้าดีไซน์แบบ B ที่เป็นแบบใหม่ มียอด Conversion Rate สูงกว่าแบบเก่า สามารถนำผลการชี้วัดนี้ไปตั้งค่าปรับเว็บใหม่ได้เลย แต่หากผลทดลองพบว่าดีไซน์แบบใหม่ทั้ง 2 แบบ ไม่มียอด Conversion Rate เพิ่มขึ้นหรือลดลง อาจต้องกลับไปหาสาเหตุปัญหาในขั้นตอนที่ 1 ใหม่อีกรอบ เพื่อค้นหาต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ค่า Conversion ต่ำลง

ปรับเว็บไซต์อย่างไรให้ได้ Conversion Rate สูงขึ้น?

การปรับ Conversion rate แบบง่ายๆ ที่สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ได้ทันที โดยไม่ต้องทำการค้นคว้า มีเคล็ดลับ ดังนี้

  • การปรับดีไซน์ปุ่มคลิก Call To Action ให้ดึงดูดความสนใจแก่ผู้ชม เกิดความรู้สึกถูกกระตุ้น โน้มน้าวให้เกิดการซื้อขายมากขึ้น
  • การปรับความเร็วของเว็บไซต์ให้แสดงผลรวดเร็วภายใน 3 วินาที ช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บสามารถเพลิดเพลินกับการรับชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น
  • การปรับรูปแบบการเข้าชมตามอุปกรณ์ของผู้ชม เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
  • การเพิ่มช่องกรอกข้อมูล (Lead Form) เช่นช่องกรอกอีเมลให้ลูกค้าทิ้งช่องทางติดต่อเพื่อรับข่าวสารเพิ่มเติมได้เร็วที่สุด
  • การปรับโครงสร้างหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด (Site Structure) ให้ลูกค้าสามารถเข้ารับชมหน้าเว็บอื่นๆ ได้สะดวกรวดเร็ว

Case Study : เพิ่มยอดขาย ด้วยการทำ CRO

ยกตัวอย่าง แบรนด์ PearlsOnly ร้านขายเครื่องประดับออนไลน์ในเมืองฮิวสตันของรัฐเท็กซัส ผู้เชี่ยวชาญการขายอัญมณีประดับต่างๆ โดยเน้นที่การขายไข่มุกเป็นพิเศษ PearlsOnly เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจการบริการและปรับปรุงแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย แต่กลยุทธ์ CRO ไม่สามารถได้ยอดขายตามเป้า ทั้งๆ ที่ปล่อยแคมเปญตลอด

จากที่นักวิเคราะห์ได้ศึกษาเว็บไซต์ของแบรนด์ดังกล่าวพบว่า ช่องทางการชำระเงินในเว็บมีโครงสร้างที่ซับซ้อนยุ่งยากเกินไป ทำให้ลูกค้าไม่อยากจ่ายเงินและปิดหน้าเว็บไป จึงทำให้ทางแบรนด์ PearlsOnly ได้ปรับปรุงช่องชำระเงินให้มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ มีความเสถียรมากขึ้น ลูกค้าจ่ายเงินได้ง่ายขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ของแบรนด์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 10% หลังทำ CRO ปรับโครงสร้างเว็บไซต์

Posts navigation คือ

ตัวช่วยนำทางผู้ชมและชี้แจงว่าหน้าปัจจุบันที่กำลังรับชมอยู่คือ คอนเทนต์เกี่ยวกับอะไร ซึ่งตัว Navigation สามารถเป็นไกด์นำทางรับชมเว็บไซต์ และเป็นผู้ช่วยประจำเว็บไซต์รอรับฟังคำถามและสิ่งที่ต้องการค้นหาในเว็บจากผู้ชมได้เสมือนกับเป็นพนักงานประจำร้าน Offline ดีๆ นี่เอง

ตัวอย่างเครื่องมือในการทำ Conversion Rate Optimization

แนะนำ 3 เครื่องมือ ช่วย Boost up กลยุทธ์ CRO ได้ยอดตามเป้า ดังนี้

  • Google Optimize เครื่องมือรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ได้แบบรวดเร็ว ทำให้สามารถเข้าใจภาพรวมการทำงานเว็บไซต์ธุรกิจในปัจจุบัน ในรูปแบบ Big Picture พร้อมทดสอบเนื้อหาเว็บไซต์ด้วยการทดลองทำ A/B Testing หลายตัวแปรได้ในการวัดผลครั้งเดียว นอกจากนี้ ยังมีออปชันปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับผู้ชม สร้างประสบการณ์เข้าชมเว็บที่ดีให้กับผู้เข้าชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้ การทดสอบสามารถแสดงผลได้ในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้ได้ผลสรุปการทำ CRO จาก Google Optimize ในเวลาสั้นๆ
  • Optimizely เว็บไซต์จัดการเนื้อหากิจกรรม แคมเปญให้มีโครงสร้างที่ดี เหมาะสำหรับแบรนด์ธุรกิจประเภท B2B B2C ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย เครื่องมือตัวนี้สามารถจัดวางแคตตาล็อกออนไลน์ในระบบหลังบ้านให้เรียบร้อยได้เป็นอย่างดี เรื่องการจัดการข้อมูลต้องยกให้ Optimizely ที่เดียว
  • VWO (Visual Website Optimizer) เว็บไซต์จำลอง A/B Testing ที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์การทดลองตามสถิติโดยที่ไม่ต้องลงมือสร้างเว็บใหม่เพื่อทดลองเอง ตัวระบบสามารถติดตามการทดลองได้แบบเรียลไทม์ ดูการโต้ตอบของผู้เข้าชมเว็บไซต์ในภาพจำลองได้ อย่างการกดคลิกซ้ำ ความถี่ในการคลิก และการกดปุ่ม CTAs อื่นๆ VWO จึงถือว่าเป็นเครื่องมือที่ควรมี สำหรับผู้ที่ต้องการทำ CRO อย่างมืออาชีพ

สรุป

การเพิ่มประสิทธิภาพการทำ Conversion Rate Optimization ช่วยทำให้ธุรกิจในโลก E-commerce เติบโตได้ในระยะยาว นอกจากจะสร้างประสบการณ์เข้าชมที่น่าประทับใจให้แก่ผู้บริโภคแล้ว ยังสามารถเพิ่มโอกาสปิดการขาย และทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้กับมาหาแบรนด์อีกด้วย ดังนั้นการทำ CRO จึงเป็นการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน