ว่าที่ กสทช. ด้านกฎหมายสะดุด ส่อขัดระเบียบสรรหาที่ห้ามย้ายสาย

ว่าที่ กสทช. ด้านกฎหมายสะดุด ส่อขัดระเบียบสรรหาที่ห้ามย้ายสาย

ว่าที่ กสทช. ด้านกฎหมาย "พล.ต.อ.ดร. ณัฐธร" ส่อขัดระเบียบสรรหาที่ห้ามย้ายสาย เคยสมัครด้านคุ้มครองผู้บริโภค แต่ไม่ผ่าน มาสมัครใหม่ด้านกฎหมาย ด้านศาลปกครองสูงสุดกำลังพิจารณาคำร้องอุทธรณ์ "ประพันธ์ คูณมี" ขอให้ยกเลิกผลการสรรหา แต่ สว. ยังเดินหน้าให้ความเห็นชอบ แนะนายกฯ ชะลอทูลเกล้าฯ ไว้ก่อน

พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กำหนดให้มีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. จำนวน 7 คน จากการสรรหา และได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งหากสรรหาได้ไม่ครบ 7 คน แต่ถ้ามีไม่ต่ำกว่า  5 คน ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้ 

กสทช. ปัจจุบันมี 5 คน คนที่ 6  ยังเป็น "ว่าที่" คือ พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างรอการโปรดเกล้าฯ หลังจากวุฒิสภา มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา

ว่าที่ กสทช. ด้านกฎหมายสะดุด ส่อขัดระเบียบสรรหาที่ห้ามย้ายสาย

นายประพันธ์ คูณมี ซึ่งเคยสมัคร กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดร. ณัฐธร น่าจะมีคุณสมบัติขัดแย้งกับระเบียบคณะกรรมการสรรหา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือกผู้สมัครเป็น กสทช. แทนผู้ที่วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ 2 คน ลงวันที่  21 มกราคม 2565 ข้อ 6 ที่กำหนดให้ "ผู้สมัครจะต้องสมัครเป็นกรรมการด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว และจะเปลี่ยนแปลงด้านที่สมัครในภายหลังไม่ได้"

นายประพันธ์ กล่าวว่า ในการสรรหาครั้งแรกระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายนปีที่แล้ว ตน และ พล.ต.อ.ดร. ณัฐธร เพราะสุนทร ได้ยื่นสมัครเป็นผู้เข้ารับการสรรหา กสทช.ในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก แต่เมื่อคณะกรรมการสรรหาได้เปิดรับการสรรหาใหม่ แทนผู้ที่วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ 2 คน คือ กสทช. ด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. หรือด้านกฎหมาย และด้านโทรคมนาคม พล.ต.อ.ณัฐพร ซึ่งไม่ผ่านการสรรหาในด้านคุ้มครองผู้บริโภค ได้ยื่นสมัครเข้ารับการสรรหาใหม่อีกครั้ง และได้รับการสรรหาแบบม้วนเดียวจบ เป็น 1 ใน 2 ของผู้ที่ได้รับการสรรหาเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะเป็นการดำเนินการขัดต่อระเบียบการสรรหาใน ข้อ 6. ซึ่งระบุให้ผู้สมัครต้องสมัครเป็นกรรมการด้านในด้านหนึ่งเพียงด้านเดียวเท่านั้น จะเปลี่ยนแปลงด้านที่สมัครในภายหลังไม่ได้ แต่กระนั้นคณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมวุฒิสภาก็ยังคงโหวตให้ความเห็นชอบว่าที่ กสทช.รายนี้ไปในที่สุด     

ว่าที่ กสทช. ด้านกฎหมายสะดุด ส่อขัดระเบียบสรรหาที่ห้ามย้ายสาย

"ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหา ผมได้ทักท้วงเรื่องนี้ไปยังประธานวุฒิสภาแล้ว เพราะเห็นว่า กระบวนการสรรหาครั้งนี้ไม่น่าจะถูกต้องชอบธรรม เพราะหากเปิดให้มีการกระโดดค้ำถ่อสมัครสาขาใดหรือด้านใดก็ได้แบบนี้ ผู้สมัครคนอื่นๆ รวมทั้งผมเองก็คงทำกันไปแล้ว แต่เพราะทุกคนเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวขัดประกาศและระเบียบคณะกรรมการสรรหาฯ จึงไม่มีใครทำ แต่ก็ไม่สามารถจะทัดทานใบสั่งที่หนุนหลังจนทำให้ที่ประชุมวุฒิสภาผ่านให้ความเห็นชอบว่าที่ กสทช.รายดังกล่าวไปได้" นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ตนได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการสรรหา กสทช. ต่อศาลปกครองเป็นคดีดำเลขที่ 1688/2565 เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศคณะกรรมการสรรหา เรื่องผลการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการสรรหาเป็น กสทช. เฉพาะกรณีของ พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร ที่ได้รับการสรรหาเป็น กสทช. ด้านกฎหมาย  เพราะเห็นว่ามีคุณสมบัติขัดประกาศคณะกรรมการสรรหา พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา รวมทั้งยังได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ระงับการโหวตลงมติเห็นชอบตัวบุคคลที่ได้รับการสรรหาเป็น กสทช.รายดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งรับคำฟ้อง และมีหมายเรียกให้ผู้ถูกฟ้องมาชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว แต่ภายหลังเมื่อวุฒิสภาโหวตรับรอง ปรากฎว่าศาลปกครองกลับคำสั่งที่ศาลเคยรับฟ้องเป็นไม่รับฟ้องแบบน่าสงสัย เพราะไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน ตนจึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดไปแล้วเมื่อวานนี้ (28 กันยายน 2565) ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด 

  • เป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด - ตม. ไม่น่าจะรู้เรื่องสื่อสาร  

การที่คณะกรรมการสรรหาได้เห็นชอบให้ พล.ต.อ. ดร.ณัฐธร เป็นผู้สมควรได้รับการสรรหาเป็นว่าที่ กสทช. ใหม่ ยังเป็นการดำเนินการที่ส่อจะขัดระเบียบคณะกรรมการสรรหาในข้อ  2.2 ที่ระบุว่า "ผู้สมัครรับการสรรหา ต้องเป็นผู้มีลักษณะเฉพาะที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้านที่จะดำเนินการสรรหา" ทั้งนี้ เพราะจากประวัติการทำงานของ พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร ไม่ปรากฏว่า มีประสบการณ์ หรือความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคมแต่อย่างใด เนื่องจากภายหลังจบการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็เข้ารับราชการตำรวจ สายงานปราบปรามยาเสพติด สายงานตรวจคนเข้าเมือง จนเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2564 ในตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงเลือกบุคคลที่ไม่ผ่านการคัดเลือกในด้านคุ้มครองผู้บริโภคมาเป็น กสทช. ด้านกฎหมาย 

"ไม่เข้าใจว่าทำไมคณะกรรมการสรรหาถึงได้เลือกบุคคลที่ขาดคุณสมบัติและไม่ผ่านการคัดเลือกในด้านคุ้มครองผู้บริโภคเข้ามาเป็นว่าที่ กสทช. ด้านกฎหมายได้" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเรื่องนี้เป็นคดีในศาลปกครองแล้ว และมีข้อสงสัยว่า พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร น่าจะมีการกระทำขัดแย้งกับระเบียบการสรรหา จึงเป็นการไม่สมควรที่วุฒิสภาจะส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรี นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งให้เป็น กสทช. หรือถ้าวุฒิสภาส่งชื่อมาแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ควรชะลอเรื่องการทูลเกล้าฯ ไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำตัดสินจากศาลปกครอง