พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชูบริการ Plus Luxury Management ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ส่งมอบบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้อยู่อาศัย ผ่าน Plus Luxury Management ชูกลยุทธ์ Customer Centric บริการที่ Customise ได้ตามต้องการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกบ้านที่แตกต่าง
นฤมล อาภรณ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารอาคาร บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งยกระดับบริการ Luxury Management เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยอย่างครบวงจรให้กับลูกบ้านในโครงการลักชัวรี ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานสากล มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมจากหลักสูตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ชูกลยุทธ์มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Centric) ทำให้บริการปรับเปลี่ยนหรือออกแบบได้ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยที่ครบครัน และมูลค่าโครงการที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
"เทรนด์การมองหาที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีของลูกค้าในปัจจุบัน นอกเหนือจากปัจจัยด้านการลงทุนที่คุ้มค่า ทำเล คุณภาพบ้าน ความสวยงามของโครงการ ลูกค้ายังให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายที่จะได้รับ รวมถึงความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว สังคมการอยู่อาศัย และคุณภาพการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ที่ลูกค้าใช้ในการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยเช่นกัน พลัสฯ จึงต่อยอดความแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ด้านบริการ ส่ง Plus Luxury Management ให้บริการลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการลักชัวรี ด้วยประสบการณ์กว่า 28 ปี ในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ทำให้สามารถออกแบบบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง เรียกได้ว่าไม่เพียงแค่ซื้อบ้านแล้วจบไป แต่ยังมีบริการหลังการขายที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้วย"
จากข้อมูลการซื้อขาย ปล่อยเช่า ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผลตอบแทนการลงทุน ในโครงการทำเลกรุงเทพกรีฑา เช่น เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 1, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2, บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา, ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา และนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา พบว่า อัตราผลตอบแทนจากการขายต่อ (Capital Gain) เฉลี่ยสูงถึง 7-10% ต่อปี และมี Rental Yield อยู่ที่ 7-9% ต่อปี ซึ่งสะท้อนศักยภาพของทำเลและการบริหารจัดการโครงการที่มีมาตรฐาน ทำให้โครงการยังคงความสวยงาม และมีมูลค่าสูงขึ้นตามกาลเวลาจากการดูแลที่ดี
Plus Luxury Management มุ่งเน้นไปที่การให้บริการที่ตอบสนองความเป็นสุดยอดใน 3 องค์ประกอบสำคัญในการอยู่อาศัยอย่างครบถ้วน
1. THE BEST COMMUNITY ออกแบบสังคมการอยู่อาศัยที่เหมาะสมตามความต้องการหรือไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในแต่ละโครงการ ผ่านการจัดกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกบ้านสามารถมาพบปะพูดคุยกัน แชร์ความสนใจที่มีร่วมกัน ส่งเสริมให้เกิดสังคมการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพร่วมกับเพื่อนบ้าน
2. THE BEST SECURE PLACE TO LIVE รับรองมาตรฐานความปลอดภัยการอยู่อาศัยผ่านเทคโนโลยีของ LIV-24 ผู้นำเทคโนโลยีความปลอดภัยเพื่อการอยู่อาศัย โดยการใช้กล้อง CCTV ที่สามารถตรวจจับเหตุการณ์ที่ผิดปกติ ด้วยเทคโนโลยี AI สามารถส่งเรื่องไปยังศูนย์ Command Centre ได้ทันที โดยติดตามผลได้แบบ real-time ทำให้หากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เจ้าหน้าที่สามารถเข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที ทำให้ลูกบ้านอุ่นใจได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้ชีวิตที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
3. THE BEST IN TIMELESS QUALITY คุณภาพที่เหนือกาลเวลา ผ่านการดูแลการอยู่อาศัยที่ครบวงจร ทั้งด้านกายภาพ คือความสวยงามของโครงการ ดูแลให้เหมือนใหม่ เสมือนวันแรกที่เข้าอยู่อาศัย สร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาวให้โครงการ พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ผ่านบริการที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของ Plus Luxury Service อาทิ บริการ Plus Concierge ที่คัดสรรบริการจากพาร์ตเนอร์ด้านการอยู่อาศัยมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น บริการทำความสะอาด ซักอบรีด ล้างแอร์ ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ฯลฯ รวมถึงบริการ Butler เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน
เหนือระดับด้วยทีมงานคุณภาพ ผ่านการอบรมจาก Luxury Management Academy ซึ่งเปิดขึ้นเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย
ทีมงาน Plus Luxury Management ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน Luxury Management Academy ภายใต้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ศูนย์ฝึกอบรมเพื่อบ่มเพาะดีเอ็นเอความเป็นลักชัวรีโดยเฉพาะ ผ่านหลักสูตรจากสถาบันทั้งในเอเชียและยุโรป หลักสูตรภัณฑารักษ์ Master the Exquisite Care ศิลปะการดูแลทรัพย์สินมูลค่าสูงโดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร และหลักสูตร Luxury Service จากสถาบันชั้นนำ เช่น Nai Lert Butler Academy with The British Butler Institute, Mandarin Oriental, RCB Auctions และสาขาธุรกิจการโรงแรม โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงเชื่อมั่นได้ว่า ทีมงานปฏิบัติงานด้วยมาตรฐานการบริการระดับสากล ใส่ใจทุกรายละเอียด และมีความเชี่ยวชาญในการดูแลลูกบ้าน ให้ได้รับประสบการณ์ที่เหนือระดับในการอยู่อาศัย
"หัวใจของการให้บริการคือ คน เราจึงมุ่งมั่นฝึกอบรมทีมงานของเราให้มีสิ่งที่เรียกว่า Luxury DNA คือต้องเข้าใจถึงการให้บริการลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการระดับลักชัวรี ผ่านการใส่ใจในทุกรายละเอียด และพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่เป็น Extraordinary Living ให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราเปิดสถาบัน Luxury Management Academy ขึ้นเป็นเจ้าแรกในไทย เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลลูกบ้านโครงการลักชัวรี โดยเราใส่ใจการบริการตั้งแต่ก้าวแรกในการเข้าอยู่ในโครงการ ไปจนถึงตลอดระยะเวลาการอยู่อาศัย พร้อมทั้งสร้างคอมมูนิตีที่มีคุณภาพ ผ่านการจัดกิจกรรมตามเทศกาลต่างๆ เพื่อสร้างคอมมูนิตีการอยู่อาศัยร่วมกับเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมวันฮาโลวีน วันปีใหม่ กิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง เวิร์กช็อปต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการจับมือกับพาร์ตเนอร์ด้านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ คัดสรรบริการที่ตรงใจ ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ทั้งการทำความสะอาด ซ่อมบำรุง กิจกรรมเพื่อไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยบริการเหล่านี้ลูกค้าสามารถ customise ให้ตรงตามความต้องการได้ สอดคล้องกับเป้าหมายของเราที่มองลูกค้าเป็นสำคัญ พร้อมส่งมอบผลลัพธ์ด้านการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้ง คุณภาพบ้าน คุณภาพชีวิต และการลงทุนที่คุ้มค่า ครบจบในบริการเดียว" นฤมล กล่าวปิดท้าย