บรรลุเป้าหมาย Net Zero ด้วยความร่วมมือที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล

บรรลุเป้าหมาย Net Zero ด้วยความร่วมมือที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล

การสร้างความร่วมมือด้วยการขับเคลื่อนข้อมูลจะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ทางด้านสภาพภูมิอากาศได้เร็วขึ้น เป็นสิ่งที่องค์กรหลายพันแห่งมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์

การสร้างความร่วมมือด้วยข้อมูลจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศได้เร็วขึ้น กล่าวโดย Kerry Grimes หัวหน้าฝ่าย Global Partners แห่ง AVEVA

การดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2565 วงการอุตสาหกรรมได้กำหนดให้ประเด็นดังกล่าวเป็น KPI ที่ใหญ่ที่สุดเหนือทุกสิ่ง จากผลสำรวจของ Deloitte เมื่อเร็วๆ นี้เผยว่า ผู้นำธุรกิจประมาณ 97% กล่าวว่า บริษัทของตนกำลังเผชิญกับผลกระทบที่แย่ลงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตอนนี้จึงต้องร่วมมือกับพันธมิตรและกลุ่มคู่ค้าต่างๆ ในการสร้างและดำเนินแผนงานที่ครอบคลุมเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เพราะไม่มีบริษัทใดจะสามารถลดระดับภาวะโลกร้อนลงได้ 1.5°C เพียงบริษัทเดียวอย่างแน่นอน

ปัจจุบันบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ประมาณ 80% รายงานว่า พวกเขาได้ดำเนินการเรื่องความยั่งยืน และองค์กรอีกหลายพันแห่งมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี 2593 ด้วยการริเริ่มทำโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Race to Zero และ Business Ambition for 1.5°C เช่นเดียวกันกับ AVEVA ที่ได้พยายามไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุดด้านสภาพอากาศ โดยกำลังดำเนินงานตามแผนงานระดับ 3 ซึ่งเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษทั้งทางตรงและทางอ้อม

มองว่าปี 2565 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนโฉมด้วยดิจิทัลที่ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่ายโดยมีเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน โดยลำดับแรกต้องเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่มีการเชื่อมต่อ โครงข่ายที่ใช้ข้อมูลนี้จะช่วยเชื่อมโยงองค์กรต่างๆ ผ่านระบบ Data Thread ดิจิทัลเดี่ยวที่เชื่อมต่อทั้งงานวิศวกรรม การดำเนินงาน ห่วงโซ่อุปทาน และพนักงาน รวมถึงยังใช้พลังของคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปลดล็อกมูลค่าและความยั่งยืนสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกๆ ราย

  • ปลดล็อกอุตสาหกรรมให้เติบโตด้วยระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

บริษัทชั้นนำในแต่ละภาคส่วนได้นำระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมมาใช้เป็นหนทางในการเพิ่มผลผลิต โดยระบบ AI ที่ใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมจะเป็นคลังสมองให้แก่องค์กรในวงการอุตสาหกรรม เพราะจะช่วยตัดสินใจในเรื่องเฉพาะของแต่ละภาคส่วนและยังมีความอัจฉริยะที่รวมอยู่ในที่เดียวอีกด้วย เมื่อต้องใช้งานบนคลาวด์ ระบบดังกล่าว สามารถปฏิบัติงานได้จากระยะไกล ในทุกที่ทุกเวลา เนื่องจาก มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการจำนวนมากขึ้น การใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้จึงช่วยให้พนักงานตัดสินใจได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม แม้ว่าโรงงานในเอเชียจะปิดทำการ แต่ผู้ผลิตอย่างเช่น Schneider Electric ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ถึง 30% แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องปฏิบัติงานจากระยะไกลก็ตาม ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากระบบ AI จาก AVEVA ที่ทำให้ใช้ประโยชน์จาก Azure Cloud ของ Microsoft ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

  • บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนด้วยการแชร์ข้อมูล

ทำไมต้องใช้แค่ที่โรงงานแห่งเดียว ? บริษัทวิจัย Gartner ได้แสดงให้เห็นว่า สำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในภูมิภาคต่างๆ การแชร์ข้อมูลบนคลาวด์จะช่วยให้หลากหลายทีมทำงานได้อย่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวและขับเคลื่อนให้เกิดการตัดสินใจเพื่อลดการใช้คาร์บอน เพิ่มผลกำไร และทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน

ตัวอย่างหนึ่งก็คือ บริษัท Veolia Water Technologies ได้ใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์เพื่อรวมทีมวิศวกรจาก 5 ทวีปเข้าด้วยกันด้วยแพลตฟอร์มเดี่ยวแบบรวมศูนย์ข้อมูล โดยบริษัทนำโซลูชันของ AVEVA และ Microsoft แบบผสานรวมมาใช้เพื่อสร้างแนวทางใหม่ๆ ในการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้แก่กลุ่มลูกค้า หากมองในภาพรวมแล้ว บริษัทชั้นนำระดับโลก ด้านน้ำของเสียและพลังงานเช่น บริษัทนี้สามารถเพิ่มศักยภาพของข้อมูลเชิงลึกด้านการปฏิบัติงานและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการได้ ผลลัพธ์ที่เห็นในทันทีก็คือ บริษัทมีความคล่องตัวในการใช้งานไอทีเพิ่มขึ้น 20% และทำให้ทรัพยากรว่างพร้อมใช้งานมากขึ้น รวมถึงสามารถมองเห็นโครงการได้ทะลุปรุโปร่งกว่าเดิมเนื่องจากสามารถเพิ่มศักยภาพในการมองเห็นทางวิศวกรรม (engineering visibility) และตอนนี้ บริษัท Veolia ก็ได้ตระหนักถึงประโยชน์สูงสุดจากน้ำแต่ละหยดที่ผลิตขึ้นทั่วโลก เพราะมองเห็นการดำเนินงานแบบองค์รวมซึ่งผสานรวมความเชี่ยวชาญในแต่ละทีมเข้ากับข้อมูลที่รวมเป็นหนึ่ง องค์กรจึงสามารถเฟ้นหาโอกาสในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน รวมถึงจุดประกายนวัตกรรมและพัฒนาการดำเนินงานให้เกิดความยั่งยืนได้ไปพร้อมกัน

  •  สร้างความร่วมมือจากหลากวงการเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายระดับโลก

ผู้นำในวงการอุตสาหกรรมระดับแนวหน้ากำลังมองหาสิ่งที่ล้ำขึ้นไปอีกขั้นด้วยการแชร์ข้อมูลอย่างปลอดภัยแต่ต้องไม่มีคนอื่นในระบบนิเวศทางอุตสาหกรรมทั้งระบบล่วงรู้ได้ การขยายเครือข่ายที่มีการเชื่อมต่อไปยังซัพพลายเออร์ คู่ค้า และแม้แต่เพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมจะเอื้อให้เกิดการเติบโตได้ทวีคูณและมีความยั่งยืนในกลุ่มผู้เล่นทุกคนในห่วงโซ่คุณค่า ในขณะเดียวกันก็ยังทำให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนอีกด้วย โดย AVEVA ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ตอนนี้จึงมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือมากขึ้นเพื่อประโยชน์สุขของคนในสังคมส่วนใหญ่

ยกตัวอย่างเช่น ได้ร่วมมือกับทาง Microsoft โดยมุ่งไปที่สามเรื่องหลัก ได้แก่ การผสานรวมแพลตฟอร์ม แนวทางการมีส่วนร่วมโดยใช้หลายโซลูชัน และกลยุทธ์แบบ go-to-market ร่วมกัน และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Veolia และลูกค้ารายอื่นๆ เช่น Total และ SCG Chemicals ประสบความสำเร็จในการใช้แนวทางดังกล่าวเช่นกัน

อีกตัวอย่างหนึ่งของความร่วมมือที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการก็คือ Neste ผู้นำด้านเชื้อเพลิงชีวภาพระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฟินแลนด์ได้ใช้โซลูชันดิจิทัลเชิงกลยุทธ์ในการลดการปล่อยมลพิษที่ใช้วิธีกลั่นแบบเดิม พร้อมกันนั้นก็ยังเพิ่มการผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเวียน ซึ่งช่วยลดการปล่อยพลังงานได้มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้ง ยังทำให้ทีมได้รับประโยชน์จากการทำงานร่วมกันได้ดีขึ้นและเกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานแบบเรียลไทม์เพื่อบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ขณะนี้บริษัทกำลังใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาได้จากทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าเพื่อพัฒนาการดำเนินงานและในทางกลับกันก็ช่วยให้บริษัทอื่นๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองด้วย

หลังจากที่เกิดการดิสรัปชันในช่วงสองปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีดิจิทัลได้ส่งเสริมวิธีการดำเนินงาน ด้วยความมุ่งหวังที่จะบรรลุเป้าหมายในปี 2565 และในปีต่อๆ ไป ความร่วมมือจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นความร่วมมือทางดิจิทัลจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยปกป้องโลกเพื่อตนเองและลูกๆ หลานๆ รวมทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย net-zero ได้เร็วยิ่งขึ้น

บรรลุเป้าหมาย Net Zero ด้วยความร่วมมือที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล