สังคมสูงวัย น่านน้ำใหม่ของนักการตลาด

สังคมสูงวัย น่านน้ำใหม่ของนักการตลาด

เมื่อ "สังคมสูงวัย" กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของนักการตลาด ชวนไปดูสองเฟซบุ๊คเพจมาแรง ที่จับกลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมเผยแนวคิด ทำคอนเทนท์ให้ผู้สูงอายุดู ควรเป็นอย่างไร

จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่ "สังคมสูงวัย" จึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของนักการตลาด ผู้สูงวัยในยุคปัจจุบันจะมีการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากในอดีต เรียกได้ว่าเป็น "วัยอิสระ" ที่ปลอดภาระทั้งด้านการงาน ด้านเศรษฐกิจ และอยากหาความสุขให้กับชีวิต และสามารถช่วยเหลือตัวเองให้มีความเป็นอยู่สะดวกสบายจากการที่มีเทคโนโลยีที่ user friendly คือใช้ง่าย ทำให้เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของสินค้าและบริการ รวมถึงการแสวงหาความรู้ในเรื่องที่สนใจได้ง่ายๆจาก social media

จึงทำให้มีการทำ online media ต่างๆเพื่อกลุ่มเป้าหมายนี้มากขึ้น รวมถึง ผู้คร่ำหวอดในวงการการเงิน การตลาด การประชาสัมพันธ์ และด้านบันเทิง อย่างคุณชาลอต โทณวณิก ก็ได้ผันตัวเองจากการทำรายการโทรทัศน์ มาเปิดช่อง ยูทูบ และดำเนินเรื่องเอง โดยจะนำเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งด้าน ไลฟ์สไตล์และองค์ความรู้ต่างๆ มาไว้ในช่อง "Young Enjoy by Charlotte" 

"จากประสบการณ์และ เครือข่ายที่สะสมมาเป็นเวลานานมาก ทำให้มีเรื่องราวที่น่าสนใจและสนุกสนาน ที่จะสามารถมาถ่ายทอดให้ผู้ติดตามที่แม้จะมุ่งในวัยที่เกษียณแล้ว แต่ กลุ่มอื่นก็สามารถที่จะดูได้อย่างสนุกสนานด้วย ไม่ว่าจะเป็น การกินดีอยู่ดี กินเที่ยวแบบหรู หรือแบบเดินดินกินข้าวแกงแต่เป็นของอร่อย การเที่ยวแบบ exclusive แม้กระทั่ง เรื่องความเชื่อต่างๆเช่น การพยากรณ์ ที่เราเองก็ต้องเชื่อว่าดูได้ตรง มานำเสนอ" คุณชาลอต กล่าว

ชาลอต โทณวณิก

"โชคดีที่เทปแรกในชื่อช่องใหม่นี้ ได้ อาจารย์พรหมญาณที่เคยทำนายเรื่องโควิดไว้แม่นมาก และในคลิปแรกเดือนเมษายนได้ยอดเกือบล้านวิว พยากรณ์ว่าหลังเปิดประเทศแล้วจะเป็นอย่างไร และยังได้พระเอกตลอดการอย่าง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทองมาร่วมสนทนาด้วย ทำให้มีความน่าสนใจ 

ชาลอต โทณวณิก

โมเดลธุรกิจก็คือการรับทำสกู๊ปโปรโมท เรื่องราว  เรื่องสินค้า สถานที่ที่น่าสนใจ แต่ด้วยความที่เราใช้ชื่อเรา คือเครดิตที่สร้างมาทั้งชีวิต อะไรที่นำเสนอ ก็ต้องลองก่อน มีความเชื่อก่อน และดีจริงในมาตรฐานเรา และหากโชคดีมีคนตามมากก็ได้ค่าตอบแทนจากยูทูปด้วย"

"งานนี้ต้องบอกว่าไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่อยากถ่ายทอดความสุข ถือว่าเล่าเรื่องดีๆให้เพื่อนฟัง และ social media เป็นอะไรที่ไม่คุ้นเคยสำหรับคนทำทีวีมาก่อน ว่าเราจะเข้าใจจริตมันหรือไม่ รวมถึงมันเห็นผลลัพธ์ได้ตลอด มันท้าทายดีค่ะ"

อีกหญิงเก่งและแกร่งที่หันมาทำเพจ สำหรับกลุ่มเป้าหมายนี้ เป็นผู้มีประสบการณ์การตลาด สายเทคโนโลยีโดยเคยอยู่ค่ายมือถือค่ายใหญ่ระดับโลกมา คุณวรรณา สวัสดิกูล ก็ได้หันมารวมกับเพื่อนๆ เปิดเพจใน face book ชื่อ CountUp โดยกล่าวว่า ชื่อ "CountUp" มาจากแรงบันดาลใจที่ต้องการปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดของชาวซิลเวอร์เจน (50+)และวิถีที่สังคมมองมาที่คนกลุ่มนี้ว่าอายุมากแล้ว เป็นลุง เป็นป้า ทำอะไรก็ไม่ได้ดูแก่ ดูเชย ให้ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตแบบ CountUp สนุก มีความสุขกับชีวิตหลังวัย 50 คิดบวก คิดไปข้างหน้า ไม่คิดถอยหลังเพราะยังมีอะไร อะไรให้ทำได้อีกเยอะ CountUp จึงเป็นการสร้างคอมมิวนิตี้ของคน 50+ ที่รวมคนที่มีทัศนคติเหมือนกันมาพูดคุยกัน ซึ่งปัจจุบันนี้มี followersถึง 170,000 คน

และในมุมมองของนักการตลาด มองกลุ่มผู้สูงวัยว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ เป็น blue ocean เพราะเป็นตลาดเดียวที่เติบโตในอัตราที่สูง แต่ยังไม่ค่อยมีการแข่งขันมากนัก"

วรรณา สวัสดิกูล 

ปัจจุบันมีเพียงไม่ถึง 1% ที่เป็นมูลค่าจากสินค้าและบริการสำหรับกลุ่มซิลเวอร์ (source : Nielsen) ซึ่งคำพูดนี้จะเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ ในอีกไม่เกิน 2 ปี ประชากรที่อายุมากกว่า 55ปีจะมีมากกว่า 30% เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่ทุกแบรนด์เริ่มจะตื่นตัว แต่ก็เป็นกลุ่มที่เข้าใจยาก เช่นไม่มีใครอยากถูกเรียกว่า “แก่ สูงวัย เกษียณ” ยังมีความต้องการที่จะทำงาน อัพเดตตัวเองให้ทันยุค ทันสมัย ใส่ใจสุขภาพและอยากดูดี ซึ่งตรงกันข้ามกับที่สังคมหรือคนวัยอื่นมองและคิดถึงพวกเค้า

เปิดตัวเพจนี้มาได้ 3ปี นำเสนอเรื่องราวต่างๆสไตล์ CountUp ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “กิน เที่ยว การออกกำลังกาย ที่เหมาะกับคนที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ” แต่การเที่ยววัยนี้ไม่ใช่เที่ยวที่เดิมๆ แต่สนใจที่ใหม่ๆที่ไม่เคยไป รวมถึงเทรนด์การเที่ยวใหม่ๆ “เปรี้ยวซ่า” ไม่แก่ ไม่เชย อัพเดตเทรนด์ตลอดเวลา เรื่องเก่าๆย้อนยุค กลับไม่เหมาะกับกลุ่มนี้ คลิปสัมภาษณ์ หรือไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ที่ไม่มีกรอบอายุ เช่นการใส่ชุดว่ายน้ำ ในวัย 50+ การแต่งตัวเปรี้ยวๆ สร้าง engagement ได้ดี

ด้วย concept ที่ชัดเจนของเพจและเราเป็นคนวัยนี้จริงๆจึงเข้าใจคนวัยเดียวกันได้ดี เราโชคดีที่ได้รับการร่วมมือจากศิลปิน ดารา คนดัง ผู้เชี่ยวชาญ หรือกลุ่มที่เราเรียกว่า friends of CountUp ที่ให้เราไปสัมภาษณ์ถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจมานำเสนอตลอด 3 ปี