เส้นทางสู่ดวงดาว: การเดินทางคว้ามิชลินสตาร์ของ “ฮ่องกง"

เส้นทางสู่ดวงดาว: การเดินทางคว้ามิชลินสตาร์ของ “ฮ่องกง"

อาหารกวางตุ้งรสชาติดั้งเดิมตามไดไป่ดง (แผงขายอาหารริมถนน) ไปจนถึงไวน์ชั้นเลิศ และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ฮ่องกงก็พร้อมที่จะเติมเต็มความต้องการของคุณได้อย่างครบครัน

ในปี 2552 ชื่อเสียงของฮ่องกงในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับยอดนักชิมยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกระดับ เมื่อมิชลินไกด์บินลัดฟ้าข้ามทวีปมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก การปูทางสู่ระดับโลกของร้านอาหารในเมืองนี้เริ่มต้นจากดาวมิชลินรวม 31 ดวง ซึ่งมอบให้กับร้านอาหารชั้นนำ 22 แห่ง เรียกได้ว่าเป็นตัวจุดกระแสใหม่ในหมู่นักชิมเพียงช่วงข้ามคืน และทำให้ฮ่องกงกลายเป็นศูนย์กลางอาหารระดับแนวหน้าของเอเชีย รวมถึงเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับเชฟที่ต้องการจะเดินตามความฝันและประกาศชื่อเสียงของตนให้ลือเลื่องไปทั่วโลก

เส้นทางสู่ดวงดาว: การเดินทางคว้ามิชลินสตาร์ของ “ฮ่องกง"

“มิชลิน ไกด์ ย้ำถึงความเป็นหนึ่งในการรังสรรค์มื้ออาหารของเชฟทั่วฮ่องกง โดยการให้ความสำคัญกับมาตรฐานระดับสูงในการปรุงอาหารกวางตุ้ง ในปี 2552 มิชลิน ไกด์ มอบดาวมิชลินให้กับร้าน Lung King Heen ถึงสามดวง ถือเป็นร้านอาหารจีนแห่งแรกและแห่งเดียวในขณะนั้นที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และส่งผลให้อาหารกวางตุ้งเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น” นิโคลาส อาชาร์ด กรรมการผู้จัดการกลุ่มมิชลินประจำภาคพื้นเอเชีย กล่าว

 

 

เชฟวิกกี้ เชง เกิดในฮ่องกง และผ่านการฝึกปรือฝีมือมาอย่างเข้มข้นในสาขาวิชาการจัดการด้านการปรุงอาหารที่ George Brown College ในโทรอนโต หลังจากที่เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงในปี 2554 เขาได้สานความฝันด้วยการเปิดร้านอาหาร VEA ในปี 2561 และได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัว ด้วยอายุเพียง 36 ปี เชงสามารถปลุกกระแสในกลุ่มนักชิมด้วยแนวคิดแบบผสมผสานของ "อาหารจีนในสไตล์ฝรั่งเศส"

เส้นทางสู่ดวงดาว: การเดินทางคว้ามิชลินสตาร์ของ “ฮ่องกง"

นอกจากนี้ เชฟรุ่นใหม่ๆ ยังได้รับการผลักดันให้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมามากขึ้น เห็นได้จากเชฟหญิงเพียงหนึ่งเดียวในเอเชียอย่างวิกกี้ เลา จากร้าน Tate Dining Room ซึ่งได้รับสองดาวมิชลินไปเมื่อปี 2564 เชฟวิกกี้ เลา มีฮ่องกงเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจ จึงได้รังสรรค์เมนูพิเศษแด่ฮ่องกง ที่เน้นส่วนผสมที่ถือเป็นเอกลักษณ์สำหรับอาหารจีน และเปิดประสบการณ์ผู้รับประทานเข้าสู่โลกแห่งชา เต้าหู้ และซีอิ๊ว

 

เชฟชาวฮ่องกงแต่กำเนิดอย่างวิกกี้ เลา และวิกกี้ เชง ซึ่งผ่านการฝึกฝีมือในการทำอาหารฝรั่งเศสมาอย่างเต็มที่ ต่างกระหายที่จะยกระดับอาหารท้องถิ่นในเมืองที่ตนถือกำเนิดผ่านการทดลองส่วนผสมและเครื่องปรุงต่างๆ ที่หาได้จากในเมือง เพื่อรังสรรค์รสชาติระหว่างตะวันออกและตะวันตกที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยอาจเป็นเมนูง่ายๆ อย่างวาฟเฟิลไข่กับไอศกรีมราดซอสช็อกโกแลต ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดครีมไข่เค็ม ไปจนถึงปลิงทะเลย่างของเชฟวิกกี้ เชง ที่วางบนซอสกุ้งรสชาติเยี่ยม

8 ½ Otto e Mezzo BOMBANA คือร้านอาหารอิตาเลียนนอกประเทศอิตาลีแห่งแรกและแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลมิชลินถึงสามดาว หัวหน้าเชฟ Umberto Bombana ซึ่งอาศัยอยู่ในฮ่องกงมาเกือบสามทศวรรษ ตกหลุมรักความเป็นไป ความสะดวกสบายและความรู้สึกหลากหลายแต่เป็นหนึ่งเดียวของฮ่องกงนี้เป็นอย่างมาก

ร้านอาหารที่โดดเด่นอีกแห่งคือ New Punjab Club ซึ่งเป็นร้านที่ยกระดับมาตรฐานอาหารปัญจาบขึ้นอีกขั้น เสิร์ฟเมนูอย่างเนื้อกวางย่างแบบแทนดอรี แล้วล้างปากด้วยเมนูลาซซี่มะม่วงแสนสดชื่น ร้าน New Punjab Club ยังเป็นร้านอาหารปากีสถานแห่งแรกของโลกที่ได้รับดาวมิชลินอีกด้วย

เส้นทางสู่ดวงดาว: การเดินทางคว้ามิชลินสตาร์ของ “ฮ่องกง"

มื้ออาหารที่มีชีวิตชีวาเป็นสิ่งที่ดึงดูดเชฟจากทั่วโลกมาที่แห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือเชฟเชน ออสบอร์น ที่เดินทางมาฮ่องกงในปี 2555 และเปิดร้าน St. Betty ตามด้วยร้าน Arcane ของตัวเองในอีก 2 ปีต่อมา และในปี 2561 ทางร้านก็ได้รับดาวดวงแรกจากมิชลิน

สำหรับในฮ่องกงนั้น ร้าน Roganic ของเชฟชื่อดังชาวอังกฤษ ไซมอน โรแกน คือร้านอาหารที่ได้รับเกียรตินี้ โดยทีมงานของเชฟจะใช้ส่วนผสมทุกส่วนไปปรุงอาหารเพื่อลดขยะ นอกจากนี้ ทางร้านยังปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพรไว้ใช้เอง รวมถึงใช้เทคนิคการบ่มหรือหมักดองเพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์

ด้วยอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่กำลังเติบโต เชฟต่างหันมาส่งเสริมด้านความยั่งยืนของอาหาร โดยร้านอาหารหลายร้าน ณ ที่แห่งนี้จะเลือกใช้ส่วนผสมที่ผลิตหรือเพาะปลูกในท้องถิ่น เช่น ไก่เหลือง ผักออร์แกนิก และสมุนไพร การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทำให้ผู้ที่มารับประทานอาหารจากทั่วโลก ได้รับรู้ถึงภาคเกษตรกรรมของฮ่องกงที่กำลังเฟื่องฟูอย่างเงียบๆ มากกว่าที่เคย

คงจะน่าทึ่งมากทีเดียวที่เราจะได้เห็นรายชื่อร้านอาหารใหม่ๆ ในมิชลิน ไกด์ ฉบับปี 2565 โดยในปี 2552 ฮ่องกงได้รับการการันตีด้วยดาวมิชลิน 31 ดวงสำหรับร้านอาหาร 22 แห่ง จนถึงวันนี้ ฮ่องกงได้รับดาวมิชลินถึง 95 ดวงสำหรับร้านอาหาร 69 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฮ่องกงมีความพร้อมสรรพด้วยความสามารถ ประสบการณ์ และเหมาะสมแก่รางวัลที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง