สสว. ผนึก สถาบันอาหาร ลุยพัฒนาช่องทางตลาดส่งออก

สสว. ผนึก สถาบันอาหาร ลุยพัฒนาช่องทางตลาดส่งออก

สสว. ร่วมกับ สถาบันอาหาร จัดกิจกรรม “เปิดโลกธุรกิจกับสสว.” ในงาน THAIFEX- World of Food Asia 2019 ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย. นี้

สสว. ร่วมกับ สถาบันอาหาร จัดกิจกรรม “เปิดโลกธุรกิจกับสสว.” ในงาน THAIFEX- World of Food Asia 2019 ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย. นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นำทัพผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 30 กิจการ เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ ภายใต้ “โครงการพัฒนาช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ SME ปี 2562” ตั้งเป้าจับคู่ธุรกิจได้ไม่ต่ำกว่า 200 คู่ สร้างมูลค่าการซื้อขายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสนับสนุนให้ SMEs อีก 40 กิจการ เข้าร่วมงาน Food Taipei 2019 ที่ไต้หวันในเดือน มิ.ย. และงาน HKTDC Food Expo 2019 ที่ฮ่องกง ในเดือน ส.ค.นี้ ทั้งจัดอบรมเพิ่มศักยภาพสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดรวม 400 ราย คาดภายในหนึ่งปี เกิดมูลค่าทางธุรกิจรวมจาก 3 งานใหญ่ที่เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท

นายวชิระ แก้วกอ รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มงานข้อมูลและสถานการณ์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) กล่าวว่า ตามที่สสว. ได้ร่วมกับสถาบันอาหาร ดำเนินโครงการพัฒนาช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ SME ปี 2562 ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs โดยจัดอบรมพัฒนาศักยภาพ สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับสินค้าและสถานการณ์ทางการค้าในเชิงลึก สร้างโอกาสในการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยนำผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ(Business Matching) ในงานระดับโลกจำนวน 3 งาน ได้แก่ 1) กิจกรรม “เปิดโลกธุรกิจกับสสว” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ THAIFEX- World of Food Asia 2019 ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2562 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จำนวน 30 กิจการ 2) การเข้าร่วมงาน Food Taipei 2019 ระหว่างวันที่ 19 – 22 มิ.ย. 2562 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน จำนวน 20 กิจการ และ 3) การเข้าร่วมงาน HKTDC Food Expo 2019 ระหว่างวันที่ 15 – 19 ส.ค. 2562 ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง จำนวน 20 กิจการ ทั้งนี้ตั้งเป้าเกิดการจับคู่ธุรกิจอย่างน้อยงานละ 200 คู่เจรจา และเกิดมูลค่าการซื้อขายไม่น้อยกว่างานละ 200 ล้านบาท

“สสว. หวังว่าการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจดังกล่าว จะก่อให้เกิดการจับคู่ธุรกิจรวมกันไม่น้อยกว่า 600 คู่ และเกิดมูลค่าคำสั่งซื้อรวมกันไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาทภายในระยะเวลา 1 ปี การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาช่องทางการตลาดให้แก่ SME เป็นการแสดงถึงศักยภาพและสื่อสารภาพลักษณ์สินค้าที่มีคุณภาพให้กับผู้นำเข้าและผู้บริโภคในตลาดเป้าหมาย และให้ SMEs ได้มีรับประสบการณ์การตลาดโดยตรง ทำให้สามารถเรียนรู้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคได้ สามารถนำมาพัฒนาสินค้า ทั้งการปรับปรุงกระบวนการผลิต กระบวนการจัดการ และเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันในตลาดส่งออก นอกจากนี้แล้วยังเกิดการเชื่อมโยง สร้างพันธมิตรในกลุ่มนักธุรกิจ รวมทั้งชาว
ไทยที่ลงทุนอยู่ในตลาดดังกล่าว ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจ และยังสร้างโอกาสการหาแหล่งวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการผลิตได้ด้วย”

นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสสว.ให้ดำเนินโครงการพัฒนาช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ SME ปี 2562 ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการจัดสัมมนาสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ประกอบการรวม 400 ราย และได้คัดเลือกผู้ประกอบการจำนวน 30 กิจการ เข้าร่วมกิจกรรม “เปิดโลกธุรกิจกับสสว.” ในงานแสดงสินค้า THAIFEX 2019 โดยนำผลิตภัณฑ์มาจัดแสดงและเจรจาธุรกิจ อาทิ เต้าเจี้ยวบดอินทรีย์ ซอสถั่วเหลืองออร์แกนิก ผงหมักสะเต๊ะ น้ำจิ้มสะเต๊ะ ปลาเค็มอบโอโซน อาหารทะเลแปรรูป ชุดเครื่องต้มยำ ชุดเครื่องต้มข่าไก่ แผ่นเกี๊ยวทอดกรอบปรุงรสต้มยำ ขนมจีนอบแห้ง น้ำส้มสายชูหมักสับปะรดภูแล น้ำมันรำข้าวสังข์หยด เครื่องดื่มวุ้นมะพร้าว ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำอินทผาลัมพร้อมดื่ม นมอัดเม็ด เครื่องดื่มน้ำว่านหางจระเข้ มะม่วงน้ำดอกไม้พันธุ์สีทองชนิดแท่งแช่เยือกแข็ง ผลไม้แปรรูป ได้แก่ ทุเรียนฟรีซดราย มะม่วงซอฟท์ดราย มะขามอบแห้ง เป็นต้น

นายยงวุฒิ กล่าวต่อว่า สถาบันอาหาร ยังได้รับมอบหมายจาก ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ดำเนินโครงการเสริมสร้างนวัตกรรมการผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร (Northern Thailand Food Valley to Smart Industry 4.0) ประจำปีงบประมาณ 2562 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปและเกษตรแปรรูปของภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี และกำแพงเพชร ทั้งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ SMEs และพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์ เกิดการยอมรับในตลาดสากลรวม 20 ผลิตภัณฑ์ จาก 20 กิจการ

แบ่งเป็นการเสริมสร้างนวัตกรรมการผลิตให้แก่ผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในตลาดระดับสากลจำนวน 12 ผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้สูงอายุด้วยนวัตกรรมใหม่(Food Innovation for Anti-Aging) จำนวน 8 ผลิตภัณฑ์ ให้ได้รับการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ และจัดทำผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ต้นแบบจำนวน 1 ผลิตภัณฑ์ต่อ 1 กิจการ

“ในวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมทดสอบตลาดและเจรจาจับคู่ธุรกิจสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน THAIFEX 2019 เป็นการนำผลิตภัณฑ์ทั้ง 20 ผลิตภัณฑ์ที่ได้ผ่านการพัฒนาด้วยนวัตกรรมมาร่วมทดสอบตลาด พบปะแลกเปลี่ยนกับผู้บริโภค และผู้นำเข้าจากหลายประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างโอกาสการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในเขตจังหวัดภาคเหนือ ที่เป็นไฮไลท์และได้จัดทำผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เสร็จสมบูรณ์ อาทิ ถั่วตั่วโกว ขนม 7 ธัญพืช (TUA-GKO Homey 7 Grains ) หรือธัญพืชสูตรโบราณ ใช้เทคโนโลยี Heat technology and Freezing เก็บรักษาแบบแช่เยือกแข็ง มีทั้งสูตรธัญพืชเต็มเมล็ด

สำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถบดเคี้ยวได้ และสูตรบดละเอียด สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาการบดเคี้ยว เครื่องดื่มมะนาวอัญชันผง ใช้เทคโนโลยี Concentration and Drying Technology ละลายง่าย สามารถเก็บไว้ได้นาน 6 เดือนที่อุณหภูมิปกติ ขนมปังสังขยา ใช้เทคโนโลยี Formulation and Freezing Technology พัฒนาให้สามารถมีอายุการจัดเก็บยาวนานขึ้น โดยไม่มีการเติมสารเคมีอาหารหรือสารกันบูดใด ๆ เฉาก๊วยหนึบหนับ(Gummy glass jelly) ใช้เทคโนโลยี Drying Technology คงคุณค่าสมุนไพรฤทธิ์เย็น ไม่มีส่วนผสมของเจลาติน และคางกุ้งกรอบรสไข่เค็ม ใช้เทคโนโลยี Frying, Drying and Mixing Technology เป็นต้น”