ม.ศรีปทุมเจ๋ง..สร้างผู้นำ นศ.รุ่นใหม่รุกแก้ปัญหา(การรับน้อง)

ม.ศรีปทุมเจ๋ง..สร้างผู้นำ นศ.รุ่นใหม่รุกแก้ปัญหา(การรับน้อง)

เน้นน้อมนำโครงการพระราชดำริ สู่ “ตามรอยเท้าพ่อ”

คิดต่าง คิดอย่างสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม สร้างค่าย สร้างผู้นำ สร้างปรากฏการณ์ เปลี่ยนแปลงแนวความคิดสู่กิจกรรมการ “รับน้อง” ขจัดปัญหา มุ่งสู่การเรียนรู้ ผสมผสานสืบสานงานพระราชดำริ ตามหลักการทรงงานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ปัญหาการรับน้องหรือโซตัส (SOTUS) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงกิจกรรมต้อนรับนักศึกษาใหม่หรือที่เรียกว่าการรับน้อง  จนเป็นที่ตระหนักในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง แม้ว่าผู้บริหารหรือองค์การนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาบางแห่ง มีนโยบายอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนระบบโซตัส แต่ระบบนี้ก็ยังพบอย่างแพร่หลายอยู่ทั่วไปในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาต่างๆ รวมถึงโรงเรียนมัธยมบางแห่งด้วย ที่ผ่านมาระบบโซตัสเกิดขึ้นเพราะมีการอ้างถึงเรื่องความสามัคคีในหมู่คณะและการเคารพผู้อาวุโสที่ได้เข้าศึกษาก่อน เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาที่เข้าศึกษาใหม่เกิดความเกรงกลัวและปฏิบัติตามกฎที่รุ่นพี่ได้วางเอาไว้ แต่ก็ถูกมองว่าระบบโซตัสเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพของรุ่นน้องและบางครั้งทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตดังที่เห็นเป็นข่าวบ่อยๆ

ฤาปัญหานี้จะแก้ไม่ได้หรืออย่างไร...!!!

วันนี้เราลองมาดูแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของเมืองไทย คือมหาวิทยาลัยศรีปทุม ด้วยการพูดคุยกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยา พุคยาภรณ์ รองอธิการบดีด้านกิจการนักศึกษาพร้อมด้วย อาจารย์สุรศักดิ์ ทรัพย์เพิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการนักศึกษาและผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬา

ซึ่งด้าน ผศ.ดร.จรรยาฯ ได้กล่าวว่า...“ระบบโซตัสนั้นเมืองไทยเรารับมาจากต่างประเทศ ด้วยแนวคิดถึงการเคารพรุ่นพี่และทำให้เกิดความสามัคคีระหว่างนักศึกษาเก่าและใหม่ สร้างความมีระเบียบวินัยในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งไทยก็มีประเพณีแบบนี้มากว่า 50 ปีแล้ว แรกเริ่มเดิมทีถือเป็นการปฎิบัติต่อกันของรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องแบบน่ารัก แต่ต่อมาสังคมเปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น

มีการร้องเรียนเข้ามายังมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกปีและผู้ปกครองก็เป็นห่วงในเรื่องนี้ และบางครั้งก็จัดในสถานที่ห่างไกลเกินกว่าที่อาจารย์จะเข้าไปดูแลสอดส่องได้ทั่วถึง รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐต่างๆ รวมถึงสถาบันการศึกษาเองได้พยายามแก้ไขปัญหานี้ โดยไม่ได้นิ่งนอนใจรวมถึง ม.ศรีปทุม ต้องการให้มีแนวทางการรับน้องแบบใหม่ โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกันก็ยังมีการสอดแทรกสาระและความสนุกความรักสามัคคีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง

“แน่นอนยุคนี้เข้าสู่ยุคเจน Z เด็กๆรุ่นใหม่เขาได้เปลี่ยนปัจจัยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เด็กๆก็จะเรียนรู้ถึงการไม่ให้ใครข่มเหงตัวเองได้ และการไม่ข่มเหงคนอื่นเราจึงได้คิดกันว่าน่าจะโน้มนำโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่านมาเป็นจุดเริ่มกับการปฎิวัติการรับน้อง”

ทั้งนี้โดยเริ่มด้วยโครงการ “ค่ายผู้นำ เรียนรู้ ฝึกทำ : ตามรอยเท้าพ่อ” โดยคัดเลือกผู้นำนักศึกษาทั้ง 9 คณะกับ 3 วิทยาลัยของมหาวิทยาลัยจำนวน 100 คน เพื่อร่วมทำกิจกรรมในการวางแผนระดมสมองและหาวิธีเปลี่ยนแปลงแนวคิดของการรับน้องขึ้นมาใหม่ ประเด็นและจุดหมายคือ เพื่อลดความรุนแรงของการรับน้อง

“เรายึดหลักการเรียนรู้ตามรอยเท้าพ่อ และน้อมนำแบบอย่างโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาใช้ เพื่อเป็นแนวทางการประยุกต์ในการรับน้องเชิงสร้างสรรค์ สืบเนื่องจากพระองค์ทรงมีโครงการพระราชดำรินับเป็นพันๆโครงการ แต่เจนเนอเรชั่นใหม่ๆจะไม่ค่อยทราบ ซึ่งเราจะให้โจทย์เด็กๆไปถอดรหัสการทรงงานของพระองค์ท่าน แล้วนำไอเดียของผู้นำนักศึกษามาประกอบใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับใช้ในการรับน้องต่อไป”

ด้าน นายอานันท์ แสนสุนนท์ นักศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ในฐานะนายกสโมสรนักศึกษา ม.ศรีปทุม กล่าวถึงโครงการว่า...มันเป็นการเปลี่ยนแปลงการรับน้องไปในทิศทางที่ดีมากและที่สำคัญคือ โดยส่วนตัวผมเองมองว่าทำให้ผมได้ใกล้ชิดและได้เรียนรู้ถึงโครงการต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประชาชนได้มากพียงนี้ ผมเชื่อว่า ม.ศรีปทุม จะเปลี่ยนการรับน้องในครั้งนี้ขจัดปัญหาความรุนแรงได้อย่างแน่นอน และจะเป็นการนำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เปลี่ยนตามไปด้วยครับ...

ซึ่งทางด้าน อ.สุรศักดิ์ ทรัพย์เพิ่ม ได้กล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า...ในปีการศึกษาใหม่ที่กำลังจะเปิดเทอมราวเดือนกันยายนนี้  ผู้นำนักศึกษาที่ผ่านการเข้าค่ายเหล่านี้มาแล้วจะร่วมกับทางคณะและอาจารย์จัดการรับน้องขึ้นในรูปแบบใหม่ โดยให้แต่ละคณะออกแบบการทำซุ่มในการรับน้องตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้รุ่นน้องได้เกิดการเรียนรู้และการรับรู้ถึงพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านได้ทรงงานเพื่อประชาชนชาวไทยอย่างไรบ้าง ตรงนี้เราหวังที่จะเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางเชิงคุณค่า สงบเรียบร้อย และอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์และมหาวิทยาลัย

ซึ่งทาง ม.ศรีปทุม เองก็มีนโยบายจัดการรับน้องที่มหาวิทวิยาลัยแทนการออกไปนอกสถานที่มาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว จะช่วยทำให้ไม่เกิดปัญหาในการออกไปรับน้องนอกสถานที่ เพราะสามารถควบคุมดูแลได้ดีกว่า ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการสร้างสีสันของการรับน้องเช่น การจัดประกวดดาว-เดือน (หนุ่มหล่อ-สาวสวย) ประจำคณะ และมีการประกวดดาวเทียมหรือนักศึกษาเพศที่ 3  ได้สร้างสีสันในบรรยากาศแห่งความสุข สนุกสนานไปพร้อมๆกันด้วย ตรงนี้เราได้จัดอาจารย์เข้าเวรตรวจดูความเรียบร้อยและคอยดูแลความปลอดภัยกับนักศึกษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้ผู้ปกครองหลายท่านเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ได้รับคำชมและเกิดความสบายใจด้วย...

 ด้าน ผศ.ดร.จรรยาฯ ได้กล่าวอีกว่า...ส่วนที่ ม.ศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นวิทยาลัยน้องใหม่ที่ ม.ศรีปทุม เปิดทำการมาได้ 3 ปี ในฐานะที่ดูแลตรงส่วนนี้ด้วย เราเองก็วางแผนให้มีการจัดประเพณีรับน้องในรูปแบบใหม่นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันที่ ม.ศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน มีน้องใหม่ปีละ 4,500 คน ส่วนที่ขอนแก่นมีราว 800-900 คน

นอกจากกิจกรรมรับน้องแล้ว ม.ศรีปทุม ยังมีโครงการที่ชื่อว่า Home@SPU เป็นโครงการเพื่อสร้างชุมชนรอบข้างให้มีความสุขไปพร้อมๆกับมหาวิทยาลัย โดยต้องการให้นักศึกษาได้มีจิตอาสาเข้าไปช่วยเหลือชุมชนรอบข้างต่างๆ เช่นที่ผ่านมาคือการเก็บขยะในคลองบางบัว หรือการไปดูแลคนแก่ คนป่วย ในโรงพยาบาล เป็นต้น นับได้ว่าเป็นโครงการที่ได้รับคำชมจากชุมชนอย่างมากเช่นกัน

สำหรับ ม.ศรีปทุม ได้ก่อตั้งมาแล้ว 46 ปี โดยท่านผู้ก่อตั้ง ดร.สุข พุคยาภรณ์ เมื่อ พ.ศ.2513 เน้นการศึกษาในแบบ “เรียนรู้กับตัวจริง ประสบการณ์จริง” หรือเรียนกับกูรูที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ โดยเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ได้รับพระราชทานนามจาก “สมเด็จย่า” พร้อมความหมายว่า “เป็นบ่อเกิดแห่งวิชาการ ที่เบิกบานเช่นดอกบัว” นับเป็นความภาคภูมิใจจวบจนวันนี้ของชาวมหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่ได้ผลิตบัณฑิตด้วยคุณภาพรับใช้เคียงคู่สังคมกว่าแสนคน