ภรรยา "ไฮโซลูกนัท" ยันแจ้งความ รองหัวหน้าพรรค ข่มขืน ไม่ใช่เรื่องการเมือง

ภรรยา "ไฮโซลูกนัท" ยันแจ้งความ รองหัวหน้าพรรค ข่มขืน ไม่ใช่เรื่องการเมือง

"ไฮโซลูกนัท" นำ ภรรยา ให้ปากคำตำรวจเพิ่ม หลังแจ้งความ รองหัวหน้าพรรค ข่มขืนกระทำชำเรา ด้านเจ้าตัวลั่น ไม่ใช่เรื่องการเมือง

วันที่ 15 เมษายน 2565 เวลา 16.24 น. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท พร้อมน.ส.หทัยรัตน์ วิทยภูมิ หรือ แอนนา ภรรยา เดินทางไปที่ สน.ลุมพินี พร้อมเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีรองหัวหน้าพรรคการเมือง ที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา

นายธนัตถ์ กล่าวว่า ตำรวจแจ้งให้ภรรยาตนมาให้ปากคำเพิ่มเติมโดยยังไม่ทราบว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่เรื่องหลักฐานที่จะนำมาใช้ประกอบนั้น  มอบให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มไปแล้ว  ซึ่งตนเชื่อว่าพฤติกรรมของนักการเมืองคนนี้ถือเป็นอาการทางจิตแน่นอน เพราะเคยมีข่าวของบุคคลนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ 19 ปีก่อน โดยตนยังได้หลักฐานแชทการพูดคุยระหว่าง เหยื่อ - ผู้ก่อเหตุ เมื่อปี 2561 ซึ่งตอนนั้นเหยื่อมีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น แต่ผู้ก่อเหตุบอกว่าจะกลับไปเจอที่กรุงเทพฯ พร้อมชวนไปเที่ยวกลางคืน จึงเชื่อว่าเหยื่อบางรายไม่พร้อมออกมาเปิดเผยเรื่องราวลักษณะนี้

ตนก็อยากให้เขาได้ออกมาพูด ยืนยันว่าเราพร้อมจะปกป้อง ทุกเสียง ทุกคน และต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะทุกคนรับรู้ แต่ไม่เคยมีเหยื่อออกมาต่อสู้เลยตลอด 19 ปี จนมีเหยื่อรายเดียวที่เปิดหน้าออกมา ก็มีคนอื่นๆ ตามออกมาอีก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในหลักฐาน นายธนัตถ์ ถามกลับว่า หลักฐานต้องชัดขนาดไหนจึงจะพอใจ หากใช้เหตุผล ตัดอคติทางการเมืองไปก็จะเห็นว่าเหยื่อทุกคนให้การตรงกันทั้งหมด ทั้งพฤติการณ์การเชิญชวนทำธุรกิจ และสถานที่เช่นร้านอาหารและคอนโดที่พัก

ส่วนจะมีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้บริหารพรรคหรือไม่ นายธนัตถ์ กล่าวว่า พรรคต้นสังกัดยังไม่แสดงท่าที แสดงความเสียใจต่อเหยื่อเลย มองว่าการลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคนั้น ไม่ได้มีค่ากับใครเลย รู้สึกรับไม่ได้ และไม่แปลกใจที่นักการเมืองให้ท้ายกันในเรื่องผิดๆ จากกรณีมีแชตหลุดอ้างเป็นแชตของพรรคการเมืองนั้นเช่นกัน

ด้าน น.ส.หทัยรัตน์ ให้สัมภาษณ์หลังให้ปากคำ ว่า ตอนนี้มีเหยื่ออีก 2 คนติดต่อเข้ามาหา โดยบอกว่าถูกนักการเมืองคนนี้กระทำในลักษณะที่คล้ายกัน  ซึ่งหนึ่งในนี้ เคยเกิดเหตุขึ้นที่ต่างประเทศ และตนก็ไม่กังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอะไรกับตน คนที่ควรกังวลควรเป็นคนกระทำมากกว่า โดยนับแต่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีการติดต่อเข้ามาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุเข้ามาเลย เขากระทำโดยไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีมาแล้วหลายครั้ง ผู้เสียหายถูกข่มขืนลวนลาม 

ขอยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของสังคม ทุกคนรู้ความจริงแต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนตนทราบข่าวตอนแรก ก็รู้สึกไม่แปลกใจ แต่พอเห็นท่าทางที่ผู้ก่อเหตุออกมาปฏิเสธ ตนก็รู้สึกโกรธมาก เพราะสิ่งที่เหยื่อออกมาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด หากปล่อยคนนี้หลบหนีไปได้ คงไม่อาจฝากความหวังกับกระบวนการยุติธรรมได้แล้ว

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการทำงานทางการเมือง ในฐานะ ผู้สมัคร ส.ก.หรือไม่ นางสาวหทัยรัตน์ ตอบว่า ตอนนี้ออกไปทำงานไม่ได้เหมือนเดิมเพราะรู้สึกมีผลกระทบต่อจิตใจ การที่ตนออกมาพูดมันทำให้มีภาพจำกลับมา แต่ต้องออกมาพูดเพื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชน