“เพื่อไทย”ลงพื้นที่บางแคหาเสียงเลือกส.ก.-ชูนโยบาย“กองทุนพัฒนาชุมชน”

“เพื่อไทย”ลงพื้นที่บางแคหาเสียงเลือกส.ก.-ชูนโยบาย“กองทุนพัฒนาชุมชน” ต้นแบบประชาธิปไตยกินได้ คืนอำนาจให้ประชาชน แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง “เอกชัย” ผู้สมัคร ส.ก.บางแค เบอร์ 2 ลั่นลุยทุกปัญหา
วันนี้พรรคเพื่อไทย นำโดย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม., นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.), นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก., นายดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก., น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายเอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 2 พร้อมผู้สมัคร ส.ก. เขตต่างๆ ร่วมกันลงพื้นที่เขตบางแคและร่วมล้อมวงคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนถึงแนวนโยบายในการ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า” ของพรรคเพื่อไทย
โดยประชาชนสนใจร่วมพูดคุยสะท้อนปัญหาในชุมชน ทั้งในเรื่องของปัญหาการประกอบอาชีพ เศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิตและการจราจร นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับตัวแทนประชาชนกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชนสุขสำราญ ซึ่งทำ “ขนมงาพอง” ที่เดียวใน กทม.และส่งไปขายทั่วประเทศ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบประตูระบายน้ำคลองบางแค เพื่อพูดคุยกันถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม.
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนโยบายในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า” และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายจนสำเร็จมาโดยตลอด
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวแทนในการนำเสนอนโยบายและดูแลเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปีของประชาชน ในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของคน กทม. ที่ต้องทนทุกข์มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะต้องเลือกตัวแทนของคน กทม. ทั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ซึ่งจะมีนโยบายที่มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคน กทม.
ซึ่งพรรคเพื่อไทยในอดีตเคยเป็นรัฐบาล และนำเสนอนโยบายที่ประสบความสำเร็จ คือ กองทุนหมู่บ้านซึ่งต่อมายกระดับเป็นกองทุนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมือง (เอสเอ็มแอล) ที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยกินได้ จึงได้นำสิ่งดีๆ เหล่านี้มายกระดับและนำเสนอเป็นนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาทต่อปี
“กองทุนพัฒนาชุมชน มีหลักคิดและหลักการเดียวกัน คือ จัดสรรงบประมาณให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ กทม. ปีละ 2 แสนบาทต่อปี เพื่อกระจายอำนาจให้พี่น้องประชาชนแต่ละชุมชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
นายดนุพร กล่าวเสริมว่า พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะคืนความมั่งคั่งให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดและวิกฤตเศรษฐกิจ จึงนำมาซึ่งนโยบายที่จะฟื้นเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชน ทั้ง 5 นโยบายหลัก ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาทต่อปี, 50 เขต 50 โรงพยาบาล, 30 บาทถึงที่หมาย, 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟเพาเวอร์ ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคน กทม. ภายใต้หลักคิด “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า”
ด้าน นายเอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางแค เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าพี่น้องประชาชนยังต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของภาครัฐ ทำให้ละเลยการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ก. ทุกคน มุ่งมั่นที่จะทำลายอุปสรรคปัญหาเหล่านี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น







