"ชัชชาติ" ผุดนโยบายเพิ่มจุดเติมไฟฟ้าให้ "รถอีวี" ดันยอดคนใช้-แก้ปัญหาฝุ่น

        นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข8 ปล่อยขบวนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (อีวี) เพื่อหาเสียง ภายใต้แนวคิด ‘หาเสียงไม่ทำร้ายเมือง ครั้งที่ 2 เพื่อวิ่งหาเสียงไปตามเส้นทางถนนจันทน์ - เจริญราษฎร์ - พระราม 3 - สาธุประดิษฐ์ โดยตลอดทางมีประชาชนให้การตอบรับ ถ่ายรูป โบกมือทักทาย
     

        โดยนายชัชชาติ  กล่าวว่าตนต้องการเข้ามาทำงานให้คนกทม. ต้องเริ่มต้นจากการรักษ์เมือง  ทั้งลดขนาดป้าย รีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ใบปลิว รียูสป้ายไวนิล และรถหาเสียงที่พยายามจะใช้รถเล็กเพื่อไม่ให้กระทบการจราจร ซึ่งรถหาเสียงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ  29%ของภาวะเรือนกระจกมาจากการขนส่ง ดังนั้นถ้าปรับให้ใช้รถยนต์อีวี หรือรถขนส่งสาธารณะจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจก และลดพีเอ็ม 2.5ได้ด้วย

         "จากการได้ใช้รถอีวีหาาเสียง ก็ทำให้เข้าใจระบบนิเวศน์ของรถไฟฟ้ามากขึ้น และไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการหา จุดเติมไฟฟ้า ทั้งนี้หากเข้าไปบริหารกทม. ได้ก็จะเริ่มแก้ระบบตรงนี้เพื่อให้ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้าง่ายขึ้น และการใช้รถอีวี มองว่าก็ต้องมีการวางแผน และจะต้องร่วมมือกับเอกชนในการให้มีจุดเติมอีวี เพื่อเป็นการเพิ่มจุดเติมอีวีให้มากขึ้นด้วย เพราะถ้าหากมีความสะดวกขึ้นแล้วจะทำให้ประชาชนหันมาใช้ได้ระอีวีง่ายขึ้น" นายชัชชาติ กล่าว

 

        นายชัชชาติ  กล่าวด้วยว่าสำหรับแนวคิดในการเปลี่ยนรถปกติ หรือรถเก่า ให้เป็นรถอีวี ต้องจับมือกับเอกชน และใข้โรงเรียนฝึกอาชีพ พัฒนาทำให้เข้าถึงรถอีวีได้มากขึ้น ซึ่งหากคำนวนต้นทุนอยู่ที่ประมาณ3แสนบาท แต่หากคำนวนจากค่าน้ำมันแล้ว หากใช้รถอีวีคุ้มค่ากว่ามากกว่า เพราะน้ำมันแพง ส่วนเรื่องกระแสป้ายหาเสียงของตนเองที่ลดขนาดความกว้างเหลือแคื60เซนติเมตร และมีปริมาณน้อยขณะนี้  ดีใจในกระแสตอบรับ และในโลกที่เปลี่ยนไป หวังว่าอนาคตจะหันมาใช้ป้ายแบบนี้มากขึ้น เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกับเมือง.

 

    
   ขณะที่เช้าวันนี้ นายชัชชาติ ลงพื้นที่ชุมชนเพชรพระราม และชุมชนโรงปูน ท่ามกลางฝนตก เพื่อสำรวจชุมชน และพูดคุยกับผู้นำชุมชนถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในชุมชนรวมถึงสำรวจความเป็นอยู่ และตรวจดูสภาพของคลองแสนแสบ 
   โดยนายชัชชาติ บอกว่า การลงพื้นที่เมื่อเช้า ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟ ทำให้พบว่า ชุมชนที่อยู่ริมคลองแสนแสบ มีเด็กอยู่จำนวนมาก แต่เด็กๆว่ายน้ำไม่เป็น เพราะคลองไม่ได้ใสเหมือนเดิม ทำให้โอกาสเข้าถึงการว่ายน้ำยาก ซึ่งปัญหานี้ทำให้สอดคล้องกับนโยบายเล่นน้ำได้ของตนเอง ที่จะต้องมีศูนย์กีฬาที่ให้เด็กเข้าไปใช้บริการว่ายน้ำในราคาไม่แพง อยู่ไม่ไกลบ้าน  ทำศูนย์กีฬาที่มีคุณภาพกระจายทั่วกทม.
   ส่วนการพัฒนาคลองแสนแสบ หลังจากรัฐบาลมีนโยบายอยู่แล้ว ในส่วนของกทม.ก็ต้องเข้าไปดู ว่ารับผิดชอบส่วนไหน แต่ปัญหาที่จะต้องแก้ไขคือ น้ำเสีย เรือ และอาจจะขยายการเดินเรือไปคลองลาดพร้าว ซึ่งจะเชื่อมโยงรถไฟฟ้าหลายสาย เพราะจะทำให้มีโอกาสในการสัญจรเพิ่มขึ้น