"ผอ.ททบ.5" เผือกร้อน เขย่าเก้าอี้ "ผบ.ทบ."

"ผอ.ททบ.5" เผือกร้อน เขย่าเก้าอี้ "ผบ.ทบ."

กว่า 43 ปีที่คบกันมา ทำให้ "พล.อ.ณรงค์พันธ์" ไว้วางใจ "พล.อ.รังษี" ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาการขาดทุนต่อเนื่องของ "ททบ.5" ก่อให้เกิดโครงการต่างๆ ทั้งที่สำเร็จ และหยุดกลางคัน จนล่าสุด การนำเสนอข่าวรัสเซีย-ยูเครน เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย

เรื่องนี้จะจบแค่เพียง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)เซ็นคำสั่งอนุมัติให้ พล.อ. รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 (ผอ.ททบ.5)พ้นจากตำแหน่ง หรือจะบานปลายไปมากกว่านี้ คงต้องวัดกันในศึกซักฟอกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่จะมีขึ้นภายในเดือน พ.ค.นี้

เพราะต้องไม่ลืมว่า การบริหารงาน ททบ.5 ภายใต้การดูแลของ "พล.อ.รังษี" เคยถูก "ฝ่ายค้าน" หยิบยกมาโจมตี "พล.อ.ประยุทธ์" ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติเมื่อ 18 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา ด้วยการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสและเป็นกลางในการนำเสนอข่าวหลังเปิดให้บริษัทเอกชนเข้าร่วมผลิตรายการ  

การเปลี่ยนตัว "ผอ.ททบ.5" มีข้อสังเกตว่า เกี่ยวข้องกับการเสนอข่าวสงครามระหว่าง "รัสเซีย-ยูเครน" ที่ขัดกับนโยบายรัฐบาล เป็นเหตุให้ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ได้ปรึกษาหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมแสดงความกังวล

แม้ "พล.อ.ประยุทธ์" จะยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสั่งปลด "ผอ.ททบ.5" แต่ย้ำชัดถึงนโยบายของรัฐบาล ในการวางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศกรณี "รัสเซีย-ยูเครน" ที่ไม่ต้องการให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือเข้าไปร่วมวงความขัดแย้งดังกล่าว จนทำให้เกิดผลกระทบตามมา

"ผมไม่ได้พูดอะไร ก็คงเป็นเรื่องการตรวจสอบคัดกรองกันเอง เขามีคณะกรรมการกันอยู่แล้ว ผมไม่ไปยุ่งหรอก ผมพูดนี่ ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องแค่นั้นแหละ ก็เป็นเรื่องภายในของเขา อย่าลืมว่าผมไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.จะไปสั่งเขาได้ไง เป็นเรื่องของกรรมการ เรื่องอะไรของเขา ก็ต้องพิจารณาของเขาเอง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในฐานะ ประธานบอร์ด ททบ. 5 ต้องเคลียร์กับ พล.อ.รังษี อยู่หลายยก ก่อนจะเป็นที่มาของการเซ็นคำสั่งอนุมัติให้ออกจากตำแหน่ง พร้อมแต่งตั้งให้ พล.ท. วิสันติ สระศรีดา อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำหน้าที่แทน โดยให้มีผลตั้งแต่ 7 เม.ย.2565 เป็นต้นไป

" พล.อ.ณรงค์พันธ์ ไม่พอใจ พล.อ.รังษี เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้รายงานให้ ผบ.ทบ.รับทราบก่อนจะเดินทางไปพบทูตแต่ละประเทศ รวมถึงการแสดงความการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระหว่างประเทศของ พล.อ.รังษี" แหล่งข่าวกองทัพบก ระบุ

"พล.อ.รังษี" เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 (ตท.22) รุ่นเดียวกับ "พล.อ.ณรงค์พันธ์" แต่อยู่เหล่าทหารม้า ในขณะที่ "พล.อ.ณรงค์พันธ์" อยู่เหล่าทหารราบ และเคยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 ดูแลความสงบเรียบร้อย 25 จังหวัด ยุค คสช. ในช่วงที่ "พล.อ.ณรงค์พันธ์" นั่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และช่วยงานจิตอาสาควบคู่ไปด้วย

จนได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ให้เข้ามาดูแลการบริหารงาน "ททบ.5" ซึ่งประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องหลายปี  โดยในระหว่าง "พล.อ.รังษี"ดำรงตำแหน่ง ผอ.ททบ.5  ได้คิดโครงการต่างๆ มากมาย หวังหารายได้ให้กับ ททบ.5 แต่หลายโครงการต้องหยุดกลางคัน เพราะสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ขัดระเบียบว่าด้วยการใช้พื้นที่ราชพัสดุ 

เช่น การสัมปทานเหมืองแร่ควอตช์คุณภาพสูง  อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ลากยาวไปถึง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี นำไปผลิตแผงโซลาร์เซล สร้างกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์  โครงการโซลาร์เซลล์ ผลิตไฟฟ้า หรือ"เมกะโซลาร์ ฟาร์ม" โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศที่อยู่ในความดูแลของกองทัพบก 4 ล้านไร่ 

โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.รังษี เคยพูดถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในฐานะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่คบมากว่า 43 ปี

 "ผม และผบ.ทบ.คบกันมาตั้งแต่ปี 2522 เป็นนักเรียนเตรียมทหารด้วยกัน เราไม่เคยทะเลาะกัน  ผมรู้ว่าท่านไม่ชอบให้ทำอะไรที่ขัดกับความจริง เพราะ ณรงค์พันธ์ เป็นคนตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นผมจะทำทุกอย่างที่ไม่ทำให้เขาไม่สบายใจ เขาก็รู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมก็รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร  ตลอดเวลาที่ผมนั่งเป็นกอญ.ช่อง5 มา1ปีครึ่ง ผบ.ทบ.ย้ำเสมอให้ทำตามหน้าที่ และคำนึงถึงเรื่องกฎหมาย"

สำหรับ "ททบ. 5 "ถือเป็นกิจการด้านสื่อสารมวลชน ของกองทัพบก มีสถานะเป็นผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบริการสาธารณะประเภทที่ 2 ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยสาธารณะ

ส่วน "พล.อ.ณรงค์พันธ์" ซึ่งเป็นทั้ง "ผบ.ทบ."และ "ประธานบอร์ด ททบ.5" ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลโดยตรง ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด การปลด "ผอ.ททบ.5" จะสามารถตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ให้ลุกลามไปถึง "เก้าอี้ ผบ.ทบ."ได้หรือไม่