ผ่าอาณาจักรพันล้าน! “เสี่ยโต อภิชัย” ก่อนทิ้ง “ค่ายสะตอ” ซบ “พปชร.”

ผ่าอาณาจักรพันล้าน! “เสี่ยโต อภิชัย” ก่อนทิ้ง “ค่ายสะตอ” ซบ “พปชร.”

ผ่าอาณาจักรธุรกิจพันล้านบาท! “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ทิ้ง ปชป.ซบ พปชร. คาดดูแลว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.-คุม กทม. แจ้งทรัพย์สิน 3.5 พันล้านบาท เจ้าของธุรกิจแวร์เฮ้าส์-อาหารชื่อดัง JCK-JCKH แจ้งรายได้งบปี 64 ขาดทุนสุทธิรวมกว่า 564 ล้านบาท

กลายเป็นนักการเมือง “กระเป๋าหนัก” อีกรายที่กำลังถูกจับตา สำหรับชื่อของ “เสี่ยโตอภิชัย เตชะอุบล นักการเมืองชื่อดัง

พลันที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า จะยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในวันที่ 17 มี.ค. 2565 โดยจะย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.

ไม่ใช่เรื่องแปลกทำไม “เสี่ยโต” ถึงย้ายเข้ามาร่วมขั้วอำนาจ “3 ป.” เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัว เข้านอก-ออกในรั้ว “มูลนิธิป่ารอยต่อฯ” มาได้พักใหญ่แล้ว หลังขัดแย้งกับ “ผู้มากบารมี” ใน “ค่ายสะตอ” ถูกสกัดขาไม่ให้เป็นเลขาธิการพรรค กลายมาเป็น “เสมียน” นั่งเก้าอี้เหรัญญิกพรรคแทน จนเจ้าตัวขอลาออกจากตำแหน่งนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563

แต่ที่เหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวจะไปซบพรรคเศรษฐกิจไทย (ศก.) ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เป็นแกนนำ

มีรายงานข่าวจาก พปชร. ระบุว่า นายอภิชัย จะเข้ามาดูแลว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรค รวมถึงมาดูแลพื้นที่ กทม. ด้วย

สำหรับ “เสี่ยโต” เป็นนักเรียนจบนอก ก่อนมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโรงงานผลิตแวร์เฮ้าส์ในนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นเจ้าของกิจการบุฟเฟ่ต์ชื่อดัง เช่น Hot Pot ไดโดมอน เป็นต้น

หลังจากนั้นเจ้าตัวเบี่ยงเข็มจากทำธุรกิจ มาลงเล่นการเมือง โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ในปี 2552-2554 ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งแรก แบบปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 64 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง กระทั่งในปี 2562 ขยับขึ้นมาเป็นลำดับที่ 18 และได้รับการเลือกตั้งอย่างฉิวเฉียดเข้ามาเป็น ส.ส.สมัยแรกเต็มตัว

ภายหลังขัดแย้งกับ “ผู้มากบารมี” ในพรรคสีฟ้า “เสี่ยโต” เป็นหนึ่งใน ส.ส.ที่ค่อนข้าง “โหวตสวน” มติของพรรคในหลายประเด็น กระทั่ง “ฟางเส้นสุดท้าย” มาถึงในศึก “ซักฟอกฉาว” กับขบวนการ “ล้มนายกฯ” ของ ร.อ.ธรรมนัส “อภิชัย” เป็นหนึ่งใน 3 ส.ส.ที่ลงมติ “งดออกเสียง” ไว้วางใจ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ที่เป็นหัวหน้าพรรค ปชป. นั่นจึงทำให้เจ้าตัวแทบจะหมดอนาคตในพรรคไปทันที อย่างน้อยก็จนกว่ากลุ่ม “จุรินทร์-เสี่ยต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน” จะหมดอำนาจ

แต่คราวนี้วาสนาจะได้นั่ง “แม่บ้าน” ของพรรคการเมือง ยังคงต้องรอต่อไป เพราะใน พปชร. มีก้างชิ้นโตอย่าง “สันติ พร้อมพัฒน์” นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคไว้อยู่แล้ว

สิ่งที่ต้องจับตาคือ บทบาททางการเมืองของ “เสี่ยโต” จะเดินไปอย่างไรหลังจากนี้

ในมุมทรัพย์สินนายอภิชัย แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2562 ว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 3,593,168,031 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 1,544,368,296 บาท

มุมธุรกิจ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2565 พบว่า นายอภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 24แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 17 แห่ง ทั้งกิจการอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม กิจกรรมทางการเงินและประกันภัย การขายส่งและขายปลีก ร้านอาหาร รวมทุนจดทะเบียนหลายพันล้านบาท

โดย 2 บริษัทหลักของ “เสี่ยโต” นำส่งงบการเงินเมื่อปี 2564 พบว่า ขาดทุนรวมกันกว่า 564.54 ล้านบาท ได้แก่

1.บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK ประกอบธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปหรือแวร์เฮาส์ ในนิคมอุตสาหกรรม และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2534 ทุนปัจจุบัน 4,438,806,550 บาท (ชำระแล้ว 2,375,930,136 บาท) มีคนสกุล “เตชะอุบล” เป็นผู้บริหารหลัก โดยมี “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล เป็นประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด จำนวน 17.31% หรือ 375,896,456 หุ้น

นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564) มีรายได้รวม 564.85 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 224.51 ล้านบาท

2.บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JCKH ประกอบธุรกิจอาหารเป็นหลักแบรนด์ฮอทพอท ไดโดมอน ร้านอาหารจีน Zheng Dou ร้านอาหารอิตาเลียน Signor Sassi เป็นต้น จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2555 ทุนปัจจุบัน 537,448,425 บาท (ชำระแล้ว 370,355,833 บาท) มีคนสกุล “เตชะอุบล” เป็นผู้บริหารหลัก โดยมี “เสี่ยโต” เป็นประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่สุดเช่นเดียวกันที่ 23.14% หรือ 276,472,784 หุ้น

นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564) มีรายได้รวม 443.59 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 340.03 ล้านบาท

ส่วนบริษัทที่แจ้งรายได้ล่าสุด หลักหลายสิบล้านบาท-หลักพันล้านบาทมีอย่างน้อย 7 แห่ง ได้แก่

1.บริษัท บีจีวาย แอนด์ ทีเอฟดี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย รายได้ปี 2563 รวม 1,476,500,726 บาท กำไรสุทธิ 67,023,785 บาท

2.บริษัท เจซี เควิน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ธุรกิจโรงแรม,ร้านอาหารและภัตตาคาร รายได้ปี 2563 รวม 178,371,897 บาท ขาดทุนสุทธิ 223,258,811 บาท

3.บริษัท เจซีเค ยูทิลิตี้ส์ จำกัด ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ให้เช่าโรงงานอุตสาหกรรม) รายได้ปี 2563 รวม 155,346,596 บาท ขาดทุนสุทธิ 7,741,901 บาท

4.บริษัท ริมน้ำบางปะกง จำกัด ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รายได้ปี 2562 รวม 16,193,063 บาท กำไรสุทธิ 213,314 บาท

5.บริษัท ล็อบสเตอร์ เพาเวอร์ จำกัด ทำธุรกิจการบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร รายได้ปี 2563 รวม 53,584,068 บาท ขาดทุนสุทธิ 5,001,236 บาท

6.บริษัท โนเนม ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด (เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อัคร ฮอสพิแทลลิตี้ จำกัด เมื่อ 1 ก.พ. 2565) ทำธุรกิจการบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร รายได้ปี 2563 รวม 72,690,398 บาท กำไรสุทธิ 7,173,086 บาท

7.บริษัท ไฮแอคทีฟคอนซัลแตนท์ จำกัด ทำธุรกิจภัตตาคาร ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม รายได้ปี 2563 รวม 12,575,621 บาท ขาดทุนสุทธิ 12,691,528 บาท

ทั้งหมดคือโพรไฟล์โดยสังเขปของ “เสี่ยโต” ก่อนทิ้ง “ค่ายสะตอ” หวังเติบโตทางการเมืองไปซบ “พปชร.” ส่วนจะประสบความสำเร็จดังหวังไว้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป