“ก้าวไกล” ซัดใช้ ม.112 หว่านแห ปิดปากคนเห็นต่าง สะสมความขัดแย้งรอระเบิด

“โฆษกพรรคก้าวไกล” ออกโรงซัดรัฐบาล ใช้กฎหมายปิดปากคนเห็นต่าง ชี้ใช้ ม.112 เอาผิดแบบหว่านแห-คลุมเครือ ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน ลั่นยิ่งสะสมความขัดแย้งทางการเมือง รอวันระเบิด ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์-ประชาชน

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองและกลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีการดำเนินคดีกับประชาชนที่ออกมาเเสดงความคิดเห็นทางการเมือง 2 คดีด้วยกัน  

กรณีเเรก คดีของ คุณทานตะวัน นักศึกษาอายุ 20 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิดฐานดูหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ,ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่พนักงานและต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่พนักงานในการไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จบริเวณถนนราชดำเนินนอก ในวันที่ 5 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ภายหลัง คุณทานตะวันยังถูกเเจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานยุยงปุกปั่นตามมาตรา 116 และขัดขวางเจ้าหน้าที่พนักงานฐานทึ่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่พนักงานในกรณีทำโพลความคิดเห็นเรื่องขบวนเสด็จบริเวณลานหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 8 กุมพาพันธ์ 2565 กรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ออกหมายเรียกบุคคลอื่นรวมอีก 8 ราย หนึ่งในนั้นมีเยาวชนอายุเพียง 15 ปี 

กรณีที่สอง คดีของ คุณนิรพร เเนวร่วมธรรมศาสตร์เเละการชุมนุม ถูกดำเนินคดีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากที่ คุณนิรพร ถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเฟซบุ๊กเพจเเนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เเละได้โพสข้อความจำนวนหนึ่งโพส

“จากทั้ง 2 กรณี พรรคก้าวไกลเห็นว่า รัฐบาลยังไม่ทีท่าที่จะยุติที่จะดำเนินคดีต่อกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว ยังคงทำร้ายเยาวชนเเละนักศึกษา ทั้งที่พวกเขาเพียงออกมาเเสดงความคิด ความเห็น และเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เเต่เจ้าหน้าที่กลับใช้ข้อหาร้ายเเรง โดยเฉพาะการใช้มาตรา 112 อย่างหว่านแห คลุมเครือ ทั้งที่กฎหมายทางอาญานั้นมีโทษขั้นสูง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนและต้องมีพื้นฐานการตัดสินใจอยู่บนความเคารพสิทธิเเละเสรีภาพของประชาชน” นายณัฐชา กล่าว

“ก้าวไกล” ซัดใช้ ม.112 หว่านแห ปิดปากคนเห็นต่าง สะสมความขัดแย้งรอระเบิด

นายณัฐชา กล่าวอีกว่า การตีความประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกระบวนการทางยุติธรรมของไทยในเวลานี้ ถูกตั้งคำถามมากขึ้น หลังศาลอาญาได้พิจารณาการติดสติกเกอร์ กูkult บนพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 10 หน้าศาลฎีกา ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 โดยคดีดังกล่าว ศาลพิพากษาให้จำเลยกระทำความผิดมีโทษจำคุก 3 ปี ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ของหลักการในการตีความคำว่าหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น และการขยายขอบเขตอย่างคลุมเครือถึงการกระทำต่อวัตถุสิ่งของ นอกจากนี้ กระบวนการยุติธรรมยังถูกตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ปกติ เช่น การพยายามตัดพยานผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายจำเลยออกไปทั้งหมด และการไม่บันทึกคำถามค้านของทนายฝ่ายจำเลย ทำให้คดีมีการพิพากษาที่รวดเร็วมาก 

พรรคก้าวไกล เห็นว่าการดำเนินคดีการเมืองโดยเฉพาะการบังคับใช้ มาตรา 112 อย่างที่เป็นอยู่ จะยิ่งเป็นการสะสมความขัดเเย้งทางการเมืองที่รอวันระเบิด ซึ่งจะส่งผลให้สิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชนเสื่อมคลายลง ส่งผลให้ประชาชนหมดศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม สถาบันตุลาการ เเละส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน การเเลกเปลี่ยนทางความคิดในห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านทุกยุคสมัยจะต้องมีพื้นที่ปลอดภัย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรตระหนักเเละทบทวนอีกครั้งก่อนที่จะใช้กฎหมายปิดปากประชาชน” โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าว