"ชลน่าน"เผยถกญัตติซักฟอกเดือนนี้-มองงานเลี้ยงพรรคร่วมหวังเช็คเสียง

"ชลน่าน"เผยถกญัตติซักฟอกเดือนนี้-มองงานเลี้ยงพรรคร่วมหวังเช็คเสียง

"ชลน่าน"เผยฝ่ายค้านถกญัตติซักฟอกเดือนนี้ มั่นใจเนื้อหา-บริบทบ้านเมือง ทำรัฐบาลสั่นคลอนรัฐบาล มองงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลหวังเช็คเสียงสู้ศึกซักฟอก

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในที่ประชุมร่วมฝ่ายค้านมีข้อสรุปว่า แต่ละพรรคก็จะมีการไปเตรียมความพร้อมประเด็นเนื้อหาและข้อกล่าวหาต่างๆที่จะใช้ในการอภิปราย พรรคร่วมฝ่ายค้านมีคณะทำงานติดตามเนื้อหาในการอภิปรายโดยมีนายสุทิน คลังแสงประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นผู้ดูแล และมีนัดหมายที่จะพูดคุยถึงเนื้อหาต่างๆในวันที่ 22 มีนาคม นี้ 

ส่วนเรื่องเวลาของการยื่นจะพยายามที่จะยื่นให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ก็มี 2 ปัจจัยที่อาจจะต้องทำให้มีการพิจารณาช่วงที่ยื่นอยู่ คือ การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเปิดสมัยประชุม เว้นแต่อาจจะมีเรื่องกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ คือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเข้าสภาช่วงเปิดสมัย หรือต้นเดือนมิถุนายน 

“การยื่นของเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องพิจารณาว่าจะยื่นในช่วงที่พิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ หรือต้องรอให้กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับนี้ผ่านไปก่อน อีกทั้งยังมีเรื่องคือ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ที่จะเข้าสภา ซึ่งส่วนตัวอยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนที่จะมีการพิจารณาเรื่องงบ แต่จากระยะเวลาก็ไม่สามารถทำได้”
 

สำหรับเสียงในสภาที่จะสามารถล้มนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีได้ต้องมีเสียงอย่างน้อย 238 เสียง นั้น ตนมองว่า เสียงที่ไม่ไว้วางใจจะต้องเกิน 238 เสียง ซึ่งเมื่อดูจากสถานการณ์ขณะนี้ ดูจากท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐที่มีความแตกแยกกัน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีโอกาส ที่ทุกฝ่ายเห็นว่าควรจะใช้กลไกของสภาในยุติบทบาทการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี 

“ถ้าดูจากสถานการณ์ขณะนี้ และความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ยังแก้ไม่ได้ จะทำให้ประชาชนถึงจุดเดือด และไปมีผลกดดันพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะเทเสียงมาอยู่กับฝ่ายค้านก็ได้ เพราะฝ่ายค้านยังเหลืออีกเพียง 30 เสียงเท่านั้น” 
 

ขณะที่ประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ต้องมีข้อกล่าวหาที่ชัดเจน ในเรื่องของความเสียหายในการบริหารราชการแผ่นดิน เช่นการทุจริต การฉ้อราชบังหลวง การเอื้อประโยชน์ แสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งจะเป็นการเจาะลึกลงไปในเนื้อหา  ส่วนของเรื่องของความผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวเป็นประเด็นรอง ประเด็นอาจจะไม่เยอะมากแต่เป็นเรื่องที่เด็ดๆ มีไม่กี่เรื่องแต่ทำให้ในสายตาของประชาชนและสมาชิกสภาฯ เห็นจนไม่กล้าปฏิเสธ 

พร้อมกันนี้ นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึง การนัดเลี้ยงกินข้าวของนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล เย็นนี้ว่า  ตนคาดการวัตถุประสงค์ค่อนข้างยาก ซึ่งอาจจะเป็นการพูดคุยเรื่องการยื่นอภิปรายที่จะยื่นเร็ว อาจต้องไปหารือกันว่าจะเตรียมการอย่างไร แต่น่าจะเป็นเรื่องของการสร้างความเป็นปึกแผ่นของเสียงที่จะค้ำหรือสนับสนุนรัฐบาลมากกว่า จะมีกลไกอะไรที่บ่งบอกว่าจะอยู่ด้วยกันได้ เพราะว่าถ้าต่างฝ่ายต่างยึดประโยชน์ร่วมกันก็จะหันหน้ามาช่วยกัน