ทนายเผย 4 มี.ค. "วัฒนา เมืองสุข" ไปฟังคำพิพากษาคดีบ้านเอื้ออาทรแน่

ทนายเผย 4 มี.ค. "วัฒนา เมืองสุข" ไปฟังคำพิพากษาคดีบ้านเอื้ออาทรแน่

ทนายความผู้รับมอบอำนาจเผย "วัฒนา เมืองสุข" อดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ ไปฟังคำพิพากษาองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ "คดีบ้านเอื้ออาทร" แน่ บ่ายโมง 4 มี.ค.นี้ หลังก่อนหน้านี้ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 99 ปี ไม่รอลงอาญา

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2565 สื่อหลายสำนักรายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความผู้รับผิดชอบของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 มี.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันที่องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ นัดฟังคำพิพากษาคดีโครงการบ้านเอื้ออาทร นายวัฒนา ยืนยันจะไปฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ในเวลาประมาณ 13.00 น. โดยคดีนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้ทุกประเด็นว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง

นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ตนพูดคุยกับนายวัฒนาทุกวัน โดยนายวัฒนา มีสุขภาพแข็งแรง ยังช่วยงานคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และไม่ได้มีความกังวลใด ๆ ที่มีผลให้ไม่ไปฟังคำพิพากษาหรือมีท่าทีจะหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4 มี.ค. 2565 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ นัดพิพากษาอุทธรณ์คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.อธ. 1/2565 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข และพวกรวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 โดยคดีนี้ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาจำคุกนายวัฒนา 99 ปี โดยไม่รอลงอาญา

กรณีนี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และเริ่มตรวจสอบการกระทำผิดในช่วงของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนเปลี่ยนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนต่อ กระทั่งปี 2560 ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา พร้อมจำเลยคนอื่นๆ อีก 14 คน กรณีทุจริตเรียกรับสินบนจากบริษัท พาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัทเพรซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด 82.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายสินบนเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ โดยหลังจาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการ ปรากฏว่าอัยการพบความไม่สมบูรณ์ในสำนวน จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณา สุดท้ายอัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องนายวัฒนากับพวกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง