กมธ.พัฒนาการเมือง จ่อเชิญ “นายกฯ-บิ๊กป้อม” แจงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯคุกคาม ปชช.

กมธ.พัฒนาการเมือง จ่อเชิญ “นายกฯ-บิ๊กป้อม” แจงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯคุกคาม ปชช.

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ รับเรื่องร้องเรียน “กลุ่ม 24 มิถุนาฯ” ขอให้ตรวจสอบรัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการคุกคามเสรีภาพประชาชนหรือไม่ จ่อเชิญ “นายกฯ-บิ๊กป้อม” ในฐานะกำกับ “ตร.” ชี้แจง -ออกตัวหนุนร่างแก้ไข พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่ “พรรคก้าวไกล” เสนอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 25 บางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนเเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร  พร้อมด้วย น.ส.อมรัตน์  โชคปมิตต์กุล กรรมาธิการ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ “เพชร กรุณพล” ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ รับเรื่องร้องเรียนจากนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และตัวเเทนจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ขอให้ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ตรวจสอบการดำเนินคดีจากตำรวจที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คุกคามประชาชน

กมธ.พัฒนาการเมือง จ่อเชิญ “นายกฯ-บิ๊กป้อม” แจงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯคุกคาม ปชช.

นายณัฐชา กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ที่ขอให้กรรมาธิการตรวจสอบการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีใช้ พ.รก.ฉุกเฉินคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน เป็นที่ชัดเจนว่าวันนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้ใช้เพื่อควบคุมโรค เเต่ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน เห็นได้จากการเข้าไปบุกจับเเละตรวจค้นซึ่งทุกครั้งเจ้าหน้าที่จะกล่าวอ้างในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ไม่เคยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ระงับเหตุของโรคระบาดเลย แต่ใช้เพื่อควบคุมไม่ให้พี่น้องประชาชนออกมาเเสดงความคิดเห็น ตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ 

ประธาน กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าวอีกว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.และจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาชี้แจง ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุกับกลุ่มผู้ชุมนุม และมีการเลือกปฏิบัติหรือไม่

กมธ.พัฒนาการเมือง จ่อเชิญ “นายกฯ-บิ๊กป้อม” แจงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯคุกคาม ปชช.

ส่วน น.ส.อมรัตน์ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาปราบปรามประชาชน เป็นการนำเอา พ.ร.กฉุกเฉินฯ ที่ออกแบบไว้ใช้กับการดูเเลความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นการใช้อย่างผิดฝาผิดตัว จากกลางปี 2564 ถึงต้นปี 2565 มีการนำกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงมาใช้กับคดีการเมืองมากถึง 1,767 คดี เป็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 1,428 คดี เห็นได้ชัดว่านอกจากใช้อย่างผิดฝาผอดตัว เเต่ยังใช้อย่างสองมาตรฐาน กรณีม็อบที่ท้องสนามหลวง มีม๊อบทั้งสองฝ่าย สองสีเสื้อ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังดำเนินการกับฝ่ายประชาธิปไตยฝ่ายเดียว ถึงเวลาเเล้วที่เราต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เเละสถาบันตุลาการอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นประเทศเราไปต่อไม่ได้ เราจะกลายเป็นคนหมดอนาคต

นี่เป็นที่มาของการเสนอร่างแก้ไข พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ นายรังสิมันต์ โรม และพรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ ที่ตัดอำนาจการควบคุมของตำรวจไม่เกิน 7 วัน  เเละต้องได้รับความเห็นชอบสภาผู้แทนราษฎรจึงจะสามารถประกาศใช้ได้ และการต่ออายุได้ไม่เกิน 30 วัน ที่สำคัญ คือเมื่อประกาศใช้เเล้วนายกรัฐมนตรีต้องรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร เป็นระยะ ซึ่งจากการที่ตนอภิปรายมาตรา 152 ที่ผ่านมาตนคิดว่าพรรคก้าวไกลจะเสนอจะผลักดันแก้ไขในประเด็นนิรโทษกรรม ที่จะสามารถแก้ไขความขัดเเย้งของประเทศได้ “ น.ส.อมรัตน์ กล่าว