“ช่อ” รับยุบ อนค.ทำ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” แข็งแกร่ง บัตร 2 ใบ พปชร.ไม่ได้ประโยชน์

“ช่อ” รับยุบ อนค.ทำ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” แข็งแกร่ง บัตร 2 ใบ พปชร.ไม่ได้ประโยชน์

“ช่อ พรรณิการ์” ชี้การยุบ “พรรคอนาคตใหม่” ทำให้ “คณะก้าวหน้า” มุ่งทำการเมืองท้องถิ่นได้มากขึ้น ส่งผล “ก้าวไกล” แข็งแกร่ง มอง “บิ๊กตู่-พปชร.” อาจไม่ได้ประโยชน์จากการแก้ รธน. เป็นบัตร 2 ใบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2565 น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เข้าร่วมงานเสวนา Thai Politics Update: Polls, Players, Prospects ของ สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ (ISIS) คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเลือกตั้งทั่วไปและการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ที่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้

ในงานเสวนา รศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ ได้ถามมุมมองของ น.ส.พรรณิการ์ ว่า ด้วยสถานการณ์การเมืองและกติกาการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป การเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้นนี้จะแตกต่างไปจากการเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่ 

โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจไม่ลอยลำเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้ง่ายดายในการเลือกตั้งครั้งหน้านัก

“ช่อ” รับยุบ อนค.ทำ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” แข็งแกร่ง บัตร 2 ใบ พปชร.ไม่ได้ประโยชน์

“ประยุทธ์บริหารประเทศมานานมาก และนานเกินไปแล้ว ประยุทธ์บริหารประเทศมา 8 ปี แล้วเป็นการบริหารประเทศมาผิดทาง ทำให้มีการทุจริตคอรัปชั่นในส่วนต่างๆ มากมาย และมีการบิดกฎหมายต่างๆ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์ นี่เป็นเหตุผลให้คนเรียกร้องการเลือกตั้งกันมากขึ้น” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

จากการแลกเปลี่ยนความเห็นกับพรรคก้าวไกล น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะจบไม่สวยนัก หากดูตามการแบ่งเขตใหม่ กรุงเทพมหานครมีถึง 33 เขต หมายความว่าใครสามารถครองพื้นที่ กทม. ได้ ก็จะได้เก้าอี้ ส.ส. ไปได้จำนวนมากพอสมควร พรรคพลังประชารัฐไม่น่าจะสามารถครองพื้นที่ กทม. ไปได้มาก หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใครชนะไปก็มีโอกาสสร้างโมเมนตัมส่งต่อให้ได้เก้าอี้ ส.ส. ในกทม. ด้วยซึ่งคราวนี้ก็เชื่อว่าผู้สมัครจากฟากประชาธิปไตยจะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ

“มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการเลื่อนให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้มีการต่อรองผลประโยชน์กันก่อนจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เราลองดูพรรคภูมิใจไทยที่จะพรรคขนาดกลางที่บอกว่าจะรวบรวมเสียงมาสนับสนุนประยุทธ์ แต่เขาอาจเปลี่ยนใจถอนตัวจากรัฐบาลก็ได้ ถ้าผู้ว่าฯ กทม. ไม่อนุมัติสัญญารถไฟฟ้า ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนก็จะต่อรองกันได้ก่อน” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

“ช่อ” รับยุบ อนค.ทำ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” แข็งแกร่ง บัตร 2 ใบ พปชร.ไม่ได้ประโยชน์

โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งให้กลับมาใช้บัตร 2 ใบก็อาจไม่เป็นประโยชน์กับพรรคพลังประชารัฐอย่างที่ได้วางแผนไปตอนแรก เพราะปัจจุบัน พรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็นหลายก๊กหลายเหล่า มีการแยกออกมาเป็นพรรคเล็กๆ เพราะฉะนั้น ประยุทธ์ก็จะต้องมาต่อรองผลประโยชน์กับพรรคกลางพรรคเล็กหลายทาง ถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าใครจะตั้งรัฐบาลได้ แต่ พรรณิการ์ เชื่อว่า ไม่น่าจะมีการย้ายฝั่งมากนักในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะพรรคที่แยกออกมาเหล่านี้เป็นเพียงการแยกเพื่อต่อรองผลประโยชน์เท่านั้น

  • ลั่นยุบ “อนาคตใหม่” ทำให้ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” แข็งแกร่ง

รศ.ดร.ฐิตินันท์ ได้ถามเกี่ยวกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ และการที่ พรรณิการ์ ถูกแบนจากการเมือง 10 ปี โดย น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ต้องอธิบายให้ชัดก่อนว่า นี่เป็นเพียงการแบนไม่ให้สมัครตำแหน่งทางการเมืองต่าง ๆ เป็นเวลา 10 ปี แต่ไม่มีใครสามารถแบนพลเมืองไทยไม่ให้มีส่วนร่วมทางการเมืองได้ และการยุบพรรคอนาคตใหม่กลับยิ่งทำให้คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลเข้มแข็งขึ้น

“การยุบพรรคอนาคตใหม่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฝ่ายสนับสนุนประยุทธ์ เพราะยุบอนาคตใหม่แล้วยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สมัยอนาคตใหม่เรามีเวลาก่อนเลือกตั้งแค่ 6 เดือน เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชูแกนนำของพรรคอย่างคุณธนาธร อาจารย์ปิยบุตร หรือตัวดิฉันเอง ทำให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่นำโดยแกนนำ ถ้าไม่ถูกยุบพรรคก็เชื่อว่าทั้งนักวิชาการ สื่อ และคนทั่วไปก็จะยังสนใจแต่แกนนำ แต่พอยุบพรรคแล้วกลายเป็นการเปิดทางให้ ส.ส. คนอื่นมีพื้นที่ให้แสดงความสามารถมากขึ้น ก็ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ดีกว่าพรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคที่ยั่งยืนและสถาบันทางการเมืองมากขึ้น” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน เมื่อยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว ในช่วงที่ผ่าน คณะก้าวหน้าก็ได้มีโอกาสมาโฟกัสที่การเมืองท้องถิ่นมากขึ้น มีการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง อบต. อบจ. และเป็นครั้งแรกที่มีการส่งผู้สมัครทั่วประเทศภายใต้ชื่อกลุ่มเดียวกัน คือ คณะก้าวหน้า หาเสียงด้วยนโยบายหลัก ๆ เหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งก็ทำให้ได้เรียนรู้มากมายจากการเลือกตั้งท้องถิ่นช่วงที่ผ่านมา