"การตลาด" นักการเมือง "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" หาแสง เที่ยวหน้า 

"การตลาด" นักการเมือง "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" หาแสง เที่ยวหน้า 

แม้เส้นทางการเมือง "มิ่งขวัญ" เดินมาถึงทางตัน แต่แทบทุกครั้งเขาจะแจ้งเกิดด้วยความสามารถของตัวเอง น่าสนใจว่า อนาคต "มิ่งขวัญ" จะเลือกพรรคใด ที่จะไม่ผิดหวังเป็นครั้งที่ 3 

ชื่อของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” กลับมาอยู่ในโฟกัสการเมืองอีกครั้ง หลังเลือกจังหวะ ในเวทีอภิปรายรัฐบาล ประกาศยื่นใบลาออกจาก ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ กลางสภาฯ ปฏิบัติการนี้ นักการตลาดอย่าง "มิ่งขวัญ"ย่อมหวังผลปรากฎอยู่ในพื้นที่ข่าวเนื้อหาซักฟอกรัฐบาลที่ไม่มีเซอร์ไพรส์ 

ระหว่างบรรทัด ในคำอธิบายก่อนยื่นใบลาออก มิ่งขวัญระบายถึงการอยู่อย่างไร้ความสุขในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และพยายามเจรจาให้พรรคเศรษฐกิจใหม่มีมติขับออก เพื่อไปหาสังกัดใหม่ แยกทางไปตามอุดมการณ์การเมืองที่สวนทางกัน แต่เสียงส่วนใหญ่ของพรรคไม่ยินยอม เขาจึงต้องตัดสินใจเดินออกมาเอง 

เป็นการหยุดพัก เว้นวรรคมาตั้งหลัก บนเส้นทางการเมืองกว่า 13 ปีที่ผ่านมา เพื่อจะหาพรรคใหม่ไปต่ออย่างที่เขาทิ้งประโยคไว้ว่า ยังคงทำกิจกรรมทางการเมือง...และจะออกไปเตรียมตัวเพื่อเตรียมการเลือกตั้งครั้งต่อไป

“มิ่งขวัญ” ถูกกล่าวถึงในฐานะนักการตลาดตัวเอ้ ซึ่งสามารถนำหลักการตลาดมาต่อยอดกับงานการเมืองจนเป็นที่ยอมรับ และปฏิเสธไม่ได้ว่า 6 ส.ส. พรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้มาเพราะกลยุทธ การหาเสียงของเขา 

ก่อนกระโดดเข้ามาเล่นการเมือง “มิ่งขวัญ” เริ่มต้นด้วยอาชีพพนักงานฝ่ายขาย บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และเลื่อนตำแหน่งไปแผนกการตลาด ประชาสัมพันธ์ โฆษณา และสื่อสารองค์กร และก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และยังเป็นเลขานุการมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย

จุดเปลี่ยนในชีวิตเริ่มต้นอีกครั้งในช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร “มิ่งขวัญ” ถูกชักชวนจาก “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ให้เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยได้รับมอบหมายให้ประชาสัมพันธ์งานใหญ่ของประเทศ อาทิ งานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ เทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์เยาวราช และเทศกาลดนตรีพัทยา

ผลงานของ “มิ่งขวัญ” เริ่มเข้าตา “ทักษิณ” จนได้รับมอบหมายให้นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย เข้าอัพเกรดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ปรับรูปแบบจาก “แดนสนธยา” เข้าสู่ยุค “โมเดิร์นไนน์ทีวี” 

โดย “มิ่งขวัญ” มีส่วนในการปรับผังรายการ ถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จนเป็นเหตุให้ “สนธิ” ลงมานำม็อบพันธมิตร และเป็นชนวนให้เกิดการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งหลังการรัฐประหาร “มิ่งขวัญ” ลาออกจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)

ต่อมาปี 2550 "มิ่งขวัญ" โดนดึงมาช่วยงานที่พรรคพลังประชาชน โดย "ทักษิณ" มอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และมีส่วนสำคัญในการปั้นภาพลักษณ์พรรค กระทั่งชนะการเลือกตั้ง

หลังชัยชนะของพรรคพลังประชาชน "มิ่งขวัญ" ได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช แต่ผลงานกลับไม่โดดเด่น เพราะไม่ใช่งานถนัด จึงต่อรองไปนั่งกระทรวงอื่น และมาลงตัวที่เก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม แทน ก่อนจะพ้นตำแหน่ง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ ให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง

หลังการพลิกขั้วการเมือง จัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อมา "มิ่งขวัญ" ได้รับมอบหมายจากทักษิณให้เป็นหัวหน้าทีมซักฟอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่ผลงานไม่เปรี้ยง

ปี 2554 "มิ่งขวัญ" ร่วมทีมพรรคเพื่อไทย สู้ศึกเลือกตั้งด้วยความฝันจะเป็นตัวเลือก"นายกรัฐมนตรี" และพยายามสร้างมุ้งในพรรค มั่นใจว่ามี ส.ส.สนับสนุน แต่ "ทักษิณ" มีแผนล่วงหน้าไว้แล้ว โดยเลือกน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของวงศ์ตระกูลคนต่อไป

ส่วน "มิ่งขวัญ" ซึ่งได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 6 ของพรรค กลับไร้ตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล และถูกลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่อง จนยื่นใบลาออกพรรคเพื่อไทยในที่สุด

หลังจากนั้นชื่อของ "มิ่งขวัญ" ได้จางหายไปจากสารบบการเมืองไทย ก่อนจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2562 และมีบทบาทสำคัญที่ทำให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ได้ ส.ส. 6 คนเข้าสู่สภา

3 ปีที่ผ่านไป หลังจากส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ เปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง ในที่สุดเส้นทางของนักการตลาดการเมือง อย่างมิ่งขวัญ ก็มาถึงทางตันอีกครั้ง

แม้แทบทุกครั้งเขาจะหาแสง แจ้งเกิดทางการเมืองด้วยความสามารถของตัวเองมาได้โดยตลอด ทว่าอนาคตการเมืองในเที่ยวหน้า มิ่งขวัญจะเลือกพรรคใด ที่จะไม่ผิดหวังเป็นครั้งที่ 3