ระเบิด จ.ยะลา เจ็บ 1 ราย "ผบ.ตร." สั่งหาข่าวเชิงรุก ป้องกันเหตุ-หาผู้ทำผิด

ระเบิด จ.ยะลา เจ็บ 1 ราย "ผบ.ตร." สั่งหาข่าวเชิงรุก ป้องกันเหตุ-หาผู้ทำผิด

รองโฆษกตร. เผย เหตุระเบิด จ.ยะลา บาดเจ็บ 1 ราย ถูกระเบิดเข้าซีกซ้ายลำตัว ขณะที่ "ผบ.ตร." สั่งสืบสวนหาข่าวเชิงรุก ป้องกันเหตุ-หาตัวผู้กระทำผิด ขณะที่การสอบสวนยังไม่ตัดประเด็นมูลเหตุจูงใจ

11 ก.พ.2565 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดยะลา ดังนี้  โดยเหตุเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 19.55 น. ของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ทาง สภ.บันนังสตา ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุ ตชด. บ้านภัคคี ว่ามีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ก่อเหตุขว้างระเบิด เข้าไปบริเวณตู้เอทีเอ็ม หน้าป้อมยามที่ทำการโรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง จากนั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ EOD และเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อทำการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวน

 

เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 1 ราย เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี โดนระเบิดเข้าที่บริเวณซีกซ้ายของลำตัว นำตัวส่งรักษายังโรงพยาบาลบันนังสตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้มีนโยบายในการรักษาความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชน ในการสอดส่องดูแลพื้นที่ชุมชนและสร้างเกราะป้องกันให้กับชุมชน รวมถึงหาข้อมูลในเชิงรุกเพื่อเป็นการป้องกันเหตุไปพร้อมกัน หากเกิดสถานการณ์ขึ้นก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี และเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่อไป

เพื่อเป็นการสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนหาข่าวเชิงรุก เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ และเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดอย่างเต็มที่ ซึ่งในการสอบสวนยังไม่ตัดประเด็นมูลเหตุจูงใจใดๆ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยให้มุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก