ปฏิบัติการบาลานซ์อำนาจพปชร. “บิ๊กป้อม”ซ่อนกลตั้ง“สายบิ๊กตู่”คุมพรรค

ปฏิบัติการบาลานซ์อำนาจพปชร.  “บิ๊กป้อม”ซ่อนกลตั้ง“สายบิ๊กตู่”คุมพรรค

การเปิดทางให้ “ทีมประยุทธ์” เข้าไปบริหารจัดการพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่สัญญาณเชิงบวก แต่เป็นเกมที่ “ประวิตร-ทีมประวิตร” กำหนดเกมขึ้นมา อยู่ที่ “ประยุทธ์-ทีมประยุทธ์” จะวางหมากแก้เกมอย่างไร

เกมการเมืองของ “3 ป.” ไม่ใช่ปัญหาที่เคลียร์กันจบระหว่าง 3 พี่น้องอีกต่อไป เมื่อมี “คนกลาง” มาอยู่ในสมการการต่อรอง โดยเฉพาะ “ขุนพลพรรคเศรษฐกิจไทย” ที่รวมบรรดา “น้องรัก-เด็กในคาถา” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เบื้องหลังของ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย คือน้องชายสุดเลิฟของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ส่งผลให้ “ประวิตร” มักจะลังเลการเดินเกมอำนาจ

ซึ่งนับตั้งแต่ “ธรรมนัส” ยกขบวน 21 ส.ส. ขับตัวเองออกจากพรรคพลังประชารัฐ สถานการณ์ของรัฐบาล-พรรคพลังประชารัฐ อยู่บนความไม่แน่นอน ทำให้ “ประวิตร” ต้องวางเกมการเมืองใหม่

ยิ่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ไฟเขียวให้ “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาจุดพลุพรรครวมไทยสร้างชาติ จนเป็นตัวเร่งให้ “ประวิตร” ต้องจัดขบวนพรรคพลังประชารัฐเสียใหม่

เนื่องจาก “ประวิตร-ขุนพลเศรษฐกิจไทย” รู้ดีว่าหากพรรคพลังประชารัฐไร้เงาของ “ประยุทธ์” จะเสียคะแนนนิยมทางการเมือง จำนวน ส.ส. ที่จะได้มาหลังการเลือกตั้งอาจจะลดน้อยถอยลง “ประวิตร” จึงจำเป็นต้องดึง “ประยุทธ์” ให้อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ

โดยแต่งตั้ง “ทีมประยุทธ์” เข้ามาบริหารจัดการภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยฝากให้ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดีอีเอส นั่งเก้าอี้รองหัวหน้าพรรค “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน นั่งเก้าอี้ผอ.พรรค เพื่อดูแล ส.ส. ที่เหลืออยู่

“สันติ” มีบุคลิกเป็นคนพูดน้อย แต่เป็นนักการเมืองสไตล์ใจถึงพึ่งได้ เพราะในอดีตเคยเป็นกองหนุนคนสำคัญของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคความหวังใหม่

นับแต่ปี 2548 “สันติ” ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน จนได้เป็น รมว.คมนาคม ในรัฐบาลของสมัคร จนถึงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “สันติ” ก็ยังได้เป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ซึ่งเป็นที่ทราบดีในกลุ่ม “ส.ส.ใต้ร่มเงาทักษิณ” สมัยนั้น “สันติ” เป็นคนใจใหญ่ ขนาด “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” และ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” ยังใช้บริการให้ดูแล ส.ส.ภาคเหนือ และภาคกลาง สมัยพรรคพลังประชาชน-พรรคเพื่อไทย

ฉะนั้น “ประวิตร” จึงเรียกใช้บริการของ “สันติ” แทนที่จะไปพึ่งบริการสายสามมิตร “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม

ปฏิบัติการบาลานซ์อำนาจพปชร.  “บิ๊กป้อม”ซ่อนกลตั้ง“สายบิ๊กตู่”คุมพรรค

สำหรับคู่กัด ร.อ.ธรรมนัส 2 คนใน พปชร. “ประยุทธ์” ได้เลือกให้มาดูแล ส.ส.ให้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันคือ สุชาติ ชมกลิ่น และชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

ด้าน “สุชาติ” เติบโตใต้ชายคา “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม ผู้ยิ่งใหญ่เมืองชล แต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว “สุชาติ” ได้ต่อสายตรงบ้านป่ารอยต่อดูแล ส.ส. 3 เขตในชลบุรี และสร้างเครือข่ายในภาคตะวันออก-ตะวันตก

ซึ่งพื้นที่ 3 เขต ส.ส.ชลบุรี ที่ “สุชาติ” รับผิดชอบชนะหมด ต่างจากปีกของ “อิทธิพล คุณปลื้ม” รมว.วัฒนธรรม สอบตกทั้งหมด บวกกับเพื่อน ส.ส.อีก 5-6 จังหวัด ทำให้ “สุชาติ” มีกำลังพลประมาณหนึ่ง จึงได้ตำแหน่งรัฐมนตรีแรงงาน

“สุชาติ” มีคอนเนคชันพิเศษกับ “สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์” อดีตแกนนำกลุ่มกำนันเป๊าะ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่ง “ประวิตร” แต่งตั้ง “สุรสิทธิ์” ทำหน้าที่นายทะเบียนสมาชิกพรรค

ปฏิบัติการบาลานซ์อำนาจพปชร.  “บิ๊กป้อม”ซ่อนกลตั้ง“สายบิ๊กตู่”คุมพรรค

ขณะที่ “ชัยวุฒิ” มีฐานการเมืองอยู่ที่สิงห์บุรี มีน้องชาย “โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” เป็นส.ส.สิงห์บุรี และมีภรรยา “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ” ส.ส.กทม. เขต 1 พลังประชารัฐ

คุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของ “ชัยวุฒิ” เป็นนักบริหารองค์กรธุรกิจมาก่อนจะเล่นการเมือง และเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บริหารของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

บทบางของ “สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ” สนับสนุน “ประยุทธ์” แต่ยังเคารพรัก “ประวิตร” แม้จะไม่ลงรอยกับ “ธรรมนัส” อย่างหนัก แต่ข้อเสนอที่ส่งตรงไปยัง “ประวิตร” เต็มไปด้วยความหวังดี แม้ข้อเสนอมักจะถูกตีตกไปก็ตาม

ปฏิบัติการบาลานซ์อำนาจพปชร.  “บิ๊กป้อม”ซ่อนกลตั้ง“สายบิ๊กตู่”คุมพรรค

ซึ่งต้องรอดูการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ ในเดือน เม.ย.นี้ว่า จะมีการปรับโครงสร้างพรรคครั้งใหญ่อีกหรือไม่

การวางเกมของ “ประวิตร” ที่ยอมให้ “ทีมประยุทธ์” เข้ามาบริหารจัดการภายในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ไม่ใช่หมากชั้นเดียวอย่างแน่นอน “ทีมประวิตร” ที่ยอมถอยร่อนออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีทางที่จะยอมจากไปโดยไร้สิ่งตอบแทน

ข่าวปล่อยข้อต่อรองของพรรคเศรษฐกิจไทย เล่นใหญ่-เอาจริง จ้องเลื่อยเก้าอี้ของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่ใช่คนนอกพูดกันไป แต่เป็นคนในพรรคเศรษฐกิจไทยที่ปล่อยข่าวลือกันเอง

เกมของ “ประวิตร-ทีมประวิตร” จึงเต็มไปด้วยการซ่อนกล-ซ่อนเงื่อน บางทีอาจจะล่อให้ตายใจ ล่อเข้าแดนประหาร ล่อเพื่อยื้อรอเวลาเปิดสมัยประชุมสภาฯปี 2565 ในช่วงเดือน พ.ค. เมื่อถึงวันว. เวลาน. “ขั้วฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ประยุทธ์” ไม่มีอำนาจยุบสภา เมื่อถึงเวลานั้นเกมอาจจะเปลี่ยนอีกรอบก็อาจจะเป็นได้

ฉะนั้นการเปิดทางให้ “ทีมประยุทธ์” เข้าไปบริหารจัดการพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่สัญญาณเชิงบวก แต่เป็นเกมที่ “ประวิตร-ทีมประวิตร” กำหนดเกมขึ้นมา อยู่ที่ “ประยุทธ์-ทีมประยุทธ์” จะวางหมากแก้เกมอย่างไร