หยั่ง“ประยุทธ์” ยื้ออำนาจ  กลางกระแส “รัฐประหาร”

หยั่ง“ประยุทธ์” ยื้ออำนาจ   กลางกระแส “รัฐประหาร”

ในห้วงที่ “พล.อ.ประยุทธ์”ตกอยู่ในสภาวะขาลง หากมี “ตัวเลือกใหม่”ที่เข้าตากรรมการ ตรงใจประชาชน  อุบัติเหตุทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้ แต่จะออกมาในทิศทางใดใน 3 แนวทาง "ยุบสภา - ลาออก-รัฐประหาร" สถานการณ์นับต่อจากนี้ คือตัวกำหนด

เลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนท่วมท้นจากการชูนโยบาย “ปฏิรูปกองทัพ”ในหน่วยเลือกตั้งที่ 10 ที่อยู่ในโรงเรียนช่างฝีมือทหาร ด้วยคะแนน 214 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่ง พรรคเพื่อไทย ได้ 79 คะแนน พรรคกล้า 14 คะแนน โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เพียง 13 คะแนน

ส่วนผลการเลือกตั้งภายในกรมยุทธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) พื้นที่ที่ “พรรคก้าวไกล” เลือกหาเสียงโค้งสุดท้าย ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 30 ม.ค.ที่ผ่านมา มีด้วยกัน 5 หน่วยเลือกตั้ง คะแนนผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้อันดับ 1 ใน 4 หน่วยเลือกตั้ง ส่วนอีก 1 หน่วยเลือกตั้ง เป็นของผู้สมัครพรรคก้าวไกล

แม้เลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร “ก้าวไกล” จะทำได้แค่เพียงพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 2 แต่สิ่งที่ประสบความสำเร็จ คือสามารถ ล็อคเป้า “โรงเรียนช่างฝีมือทหาร” ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งเดียว ที่มีนักเรียนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อต้องการสะท้อนให้เห็นว่า นี่คือเสียงขานรับของทหารรุ่นใหม่ ที่เห็นด้วยกับแนวทางปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ยกระดับสวัสดิการที่ดี สังคมที่เท่าเทียม มีเกียรติและศักดิ์ศรี

“ปฏิรูปกองทัพ” เป็นการปลุกกระแสของ พรรคอนาคตใหม่ (ก้าวไกล) ภายใต้การนำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ที่ใช้สู้ศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ด้วยการออกนโยบายต่างๆ ที่เรียกได้ว่า กระแทกใจวัยรุ่นเข้าอย่างจัง ไม่เว้นแม้แต่ทหารสัญญาบัตร และทหารประทวนในระดับล่างๆ

การเลือกตั้งครั้งนั้น ส่งให้ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ในหน่วยเลือกตั้งที่อยู่ในเขตทหาร และย่านอาคารที่พักของกำลังพล ครอบครัว เช่น เขตเลือกตั้งที่ 5 บริเวณที่จอดรถหลังตลาดพงษ์เพชร ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ( ร.1 พัน 2 รอ.)

เขต 6 หน่วยเลือกตั้งที่ 33 ถนนพหลโยธิน หน้า พล.ม.2 รอ. ม.พัน 29 รอ. ส.พัน.12 รอ. ม.1 พัน 1 รอ. และ หน่วยเลือกตั้งที่ 40 เต็นท์หน้านิติบุคคลอาคารชุด มิว ถนนวิภาวดีรังสิต วิทยาลัยจัดการมหิดล (ดุริยางค์ทหารบก และโรงเรียนดุริยางค์ทหารบก )

ส่วนอีกหลายพื้นที่เขตทหาร พรรคอนาคตใหม่ ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย เช่น เขตเลือกตั้งที่ 3 เลือกตั้งในโรงเรียนวัดราชบพิตร แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร (หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน หรือ นรด.) หน่วยเลือกตั้งที่ 65และ 66 ซึ่งเป็นเขตบ้านพักข้าราชการกองทัพอากาศ

หน่วยงานความมั่นคง ได้วิเคราะห์ถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขี้นว่า ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในประเทศ หากแบ่งตามอายุตั้งแต่ 18-45 ปี 99% เลือกผู้สมัครมาจาก 2 พรรคการเมือง คือ เพื่อไทย และ ก้าวไกล ส่วนผู้ที่มีอายุ 45 -70 ปี เลือกผู้สมัครมาจากพรรคอื่นๆ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย พรรคกล้า ไทยภักดี ฯลฯ

ในขณะที่ ปี 2562 -2565 มีเยาวชนที่เป็นคนรุ่นใหม่อายุ 18 ปี มีสิทธ์เลือกตั้งประมาณ 3.5-4 ล้านคน และ ในปี 2566 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 5 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดนี้ เทคะแนนให้พรรคก้าวไกล

พรรคก้าวไกล มีจุดเด่นที่สามารถเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น ทั้งโลกโซเชียลมีเดีย สถานศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัย และเข้าใจความต้องการของคนกลุ่มนี้ จึงสะท้อนออกมาเป็นนโนบายต่างๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เรียกได้ว่า คุยกันคนละภาษา

  หน่วยงานความมั่นคง ยังระบุอีกว่า สำหรับความพ่ายแพ้ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่สามารถรักษาเก้าอี้ ส.ส. ในการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จุตุจักร ไว้ได้ นอกจากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ยังเกิดจากการตัดสินใจพลาดด้วยการส่ง นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ หรือ มาดามหลี ภรรยา ของ สิระ เจนจาคะ เนื่องจาก เครดิต “สิระ” เสียไปแล้ว อีกทั้งยังมีความขัดแย้งกับ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา หรือ หมอเหรียญทอง ที่มีส่วนสำคัญทำให้ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2562

สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ ต้องดำเนินการท่ามกลางสถานการณ์ที่เข้าขั้นโคม่า คือการยื้ออำนาจให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ คือการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค 2565 จังหวัดภูเก็ต วันที่ 1-3 ธันวาคม ดังนั้นโอกาสที่จะเห็นการ “ยุบสภา-ลาออก”ในห้วงเวลานี้ เป็นไปได้น้อยมาก

ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาดักคอกระแสข่าว “รัฐประหาร” แม้จะเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่มีใครการันตีว่าจะไม่เกิดขึ้นในห้วงที่“พล.อ.ประยุทธ์”ตกอยู่ในสภาวะขาลง หากมี“ตัวเลือกใหม่”ที่เข้าตากรรมการ ตรงใจประชาชน 

อุบัติเหตุทางการเมืองย่อมเกิดขึ้นได้ แต่จะออกมาในทิศทางใดใน 3 แนวทาง “ยุบสภา - ลาออก-รัฐประหาร” สถานการณ์นับต่อจากนี้ คือตัวกำหนด