"ดร.เอ้"แจงทรัพย์สินงอก300ล.ในส่วนภรรยา ท้าตรวจสอบ-ไม่ขอเปลี่ยนกมธ.

"ดร.เอ้"แจงทรัพย์สินงอก300ล.ในส่วนภรรยา ท้าตรวจสอบ-ไม่ขอเปลี่ยนกมธ.

"ดร.เอ้" แจงยิบที่มาทรัพย์สินงอก300ล้าน เหตุเพิ่งแต่งงาน-ยื่นครั้งแรกในส่วนของภรรยา ยืนยันพร้อมถูกตรวจสอบ ปัดธงการเมือง-ปมขัดแย้งสจล. ระบุข้อมูลก้าวไกลไร้น้ำไหนักไม่ขอเปลี่ยนตัวกมธ.รับผิดชอบสำนวน

จากกรณีคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.)​ สภาผู้แทนราษฎร มีการตรวจสอบนายสุชัชวีร์  สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติ

ล่าสุดเจ้าตัวชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand  ดำเนินรายการโดย "ดนัย เอกมหาสวัสดิ์" และ"อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์" ว่า กรณีมีการตั้งข้อสังเกตถึงทรัพย์สินของตนที่มีอยู่กว่า 300 ล้านในระยะเวลา 5 ปีนั้น ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ

แต่การที่บอกว่ามี 300 ล้านมันก็ไม่แฟร์กับผมเพราะต้องไม่ลืมว่าผมเพิ่งแต่งงานและเป็นครั้งแรกที่ยื่นทรัพย์สินพร้อมภรรยาซึ่งมีมากกว่าเพราะฉะนั้นทรัพย์สินส่วนภรรยามากกว่าและเราก็แสดงให้ละเอียดที่สุด

เช่นเดียวกันในการแสดงบัญชีทรัพย์สินแต่ละครั้งเขาก็ระบุว่าต้องให้มูลค่าณ ปัจจุบัน เช่นทรัพย์สินประเภทบ้านและที่ดินที่ต้องอ้างอิงกับราคาปัจจุบันเสมอ

เพราะฉะนั้นเวลาผ่านไปต่อให้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่แสดงก็จะต้องเพิ่มขึ้นตามมูลค่าที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันในการแสดงบัญชีทรัพย์สินต้องยื่นหลักฐานการเสียภาษีซึ่งจะสอดคล้องกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันซึ่งผมได้ยื่นหลักฐานการเสียภาษีอย่างถูกต้องและจ่ายภาษีอย่างถูกต้องยืนยันว่าทุกอย่างพร้อมได้รับการตรวจสอบ

ทั้งนี้ในขณะที่เป็นอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ทุกอย่างว่าได้ทำงานอย่างถูกต้องโปร่งใสและใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย

ดร.เอ้ยังกล่าวย้ำว่า ตนแต่งงานกับภรรยาเมื่อ 3 ปีที่แล้วคือปี 2561 สอดคล้องกับกฎหมายปปช.ฉบับใหม่ที่ระบุว่าจะต้องยื่นทุก 3 ปีซึ่งครั้งล่าสุดคือวันที่ 1 ต.ค.2564 ได้มีการยื่นทรัพย์สินในส่วนของภรรยาด้วยจึงเป็นที่มาของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาซึ่งเป็นส่วนของภรรยา

"อมรรัตน์" ถามถึงข้อสังเกตที่ว่าสำหรับทรัพย์สินเฉพาะในส่วนของดร.เอ้ที่แจ้งไว้ในปี 64ซึ่งมีทรัพย์สิน 141 ล้านแต่เมื่อเทียบกับปี 63 มีทรัพย์สินจำนวน 74 ล้าน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาเยอะตรงนี้พอที่จะชี้แจงได้หรือไม่ว่ามาจากส่วนไหนอย่างไร

นายสุชัชวีร์ ชี้แจงว่า ต้องเข้าใจว่าผมเองเป็นวิศวกรอาชีพด้วยและเป็นวุฒิวิศวกรหรือวิศวกรขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นรายได้จากการประกอบอาชีพในแต่ละปีก็มาจากการประกอบวิชาชีพวิศวกร ซึ่งหลายท่านก็น่าจะได้ติดตามผลงานในช่วงที่ผ่านมาและมีผู้ติดตามจำนวนมาก

เพราะฉะนั้นรายได้ส่วนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญจึงมาจากวิชาชีพวิศวกรนอกจากนั้นก็มีรายได้จากเบี้ยประชุม โบนัสและการเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่ถือหุ้นหรือการลงทุนในหุ้นตรงนี้ก็จะเห็นเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกันก็มีหนี้ก้อนมหึมาเกิดขึ้นในช่วงนั้นเช่นเดียวกันเมื่อหักลบกันแล้วจะเห็นว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกัน

"ดนัย" ถามเพิ่มเติมว่า หนี้ที่ระบุไว้ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุดคือวันที่ 1 ต.คซระบุว่ามีหนี้เป็นจำนวนเงิน 26 ล้านบาทเป็นหนี้เกิดจากการกู้เงินสร้างบ้านใช่หรือไม่

นายสุชัชวีร์ ยอมรับว่า "ใช่" และเพิ่งรีไฟแนนซ์ไปโดยจำนวนที่ยื่นกู้ไปคือ 35 ล้าน

 

"ดนัย" ถามต่อว่าหลายคนสงสัยว่าก่อนที่จะลาออกมาลงสมัครผู้ว่ากทม. มีรายได้ต่อปีกี่ล้านบาท

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ที่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุดเกือบ 18.7ล้านบาทจะว่าไปผมจบปริญญาเอกด้านวิศวกรรมมากกว่า 20 ปีซึ่งหากไปดูคนในวัยเดียวกันที่จบมาคล้ายๆกันเขาไปไกลกว่าผมเยอะ การเข้าไปเป็นกรรมการในหน่วยงานต่างๆก็มาจากการเป็นวิศวกรอาชีพนี่แหละ

ส่วนเงินเดือนขณะทำงานที่สจล.ต้องยอมรับว่า ตนเป็นศาสตราจารย์เต็มขั้นตั้งแต่อายุยังน้อยจึงทำให้เงินเดือนก้าวกระโดดเร็วจาก 1 แสนบาทตนเป็นศาสตราจารย์มา 10 กว่าปี

ส่วนที่เหลือเป็นเงินเดือนประจำตำแหน่งอธิการบดีซึ่งกำหนดก่อนที่ตนจะไปเป็นอธิการ ซึ่งเงินเดือนอธิการบดีจะเริ่มที่เงินเดือนและค่าประจำตำแหน่งจะเริ่มจากน้อยและประเมินไปเรื่อยๆ ตนเป็นอธิการมา 7 ปีก็จะมีการปรับขึ้นทุกปีจนกระทั่งเต็มขั้น ซึ่งทางมหาลัยจะเสนอให้เพิ่มแต่ตนได้ปฏิเสธมา 2 ปีแล้วว่าตนไม่ต้องการเงินเดือนเพิ่ม

ฉะนั้นเงินเดือนล่าสุดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิการบดีล่าสุดอยู่ที่ 4 แสนบาทโดยใช้โดยใช้ระยะเวลากว่า 7 ปีกว่าจะได้เท่านี้ที่เหลือเป็นรายได้ในส่วนของกรรมการบริษัทและจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่

ส่วนผู้ที่ไปร้องกมธ.ป.ป.ช. ต้องขอบอกว่าไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ได้ทราบข่าวเมื่อวานนี้ระหว่างลงพื้นที่พระโขนงบางนา

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตไปถึงปัญหาความขัดแย้งในสจ.ในช่วงที่ผ่านมานั้น ผมไม่ทราบ แต่การทำหน้าที่ช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีเงิน 1,600 ล้านบาทหาย ซึ่งช่วงนั้นลาดกระบังวิกฤตสุดๆเมื่อตนก้าวขึ้นมาเป็นอธิการบดีและแก้วิกฤติตรงนั้นได้จนกลายเป็นมหาวิทยาลัยที่วันนี้มีคนรู้จักติดอันดับโลกใน

"การทำงานผมเอาเป้าหมายและส่วนรวมเป็นตัวตั้งแต่บางครั้งมันไม่ได้ดั่งใจก็จะเจอเพรสเชอร์(ความกดดัน)แบบที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน"

ดร.เอ้ ยังบอกอีกว่า คนรักมีมากมายมหาศาลแต่คนไม่ชอบเขาก็จะต้องทำซ้ำคนรักเราบางทีเขาอยู่เงียบๆให้กำลังใจเงียบๆอันนี้ผมเชื่อว่าเกิดจากทุกค

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตไปถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในกมธ.ป.ป.ช. ซึ่งเป็นคนของพรรคก้าวไกลซึ่งส่งผู้สมัครผู้ว่ากทม.เช่นเดียวกันนั้นได้

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า มีหลายคนโทรมาหาตนในเรื่องนี้แล้วบอกว่าเป็นเรื่องของการเมือง แต่ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น

ผมจะมีความเชื่อในเรื่องของการตรวจสอบการทำหน้าที่และยังมั่นใจในระบบยุติธรรม ยินดีที่จะได้รับการตรวจสอบแม้ผู้ตรวจสอบจะเป็นนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากพรรคก้าวไกลและจะไม่ขอเปลี่ยนตัวกมธ.ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบเพราะเท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมโดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องทางการเมืองผมเชื่อในเรื่องของความเป็นธรรม

ดร.เอ้ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่ามาต้องเจออะไรแต่ก็ต้องทนให้ได้