3 พรรค ทางเลือก “ประยุทธ์” พปชร.-ไทยสร้างสรรค์-รวมไทยสร้างชาติ

3 พรรค ทางเลือก “ประยุทธ์” พปชร.-ไทยสร้างสรรค์-รวมไทยสร้างชาติ

ว่ากันว่า มี ส.ส.-นักการเมืองเกรดเอ ในพลังประชารัฐเตรียมหาทางเลือกใหม่เช่นกัน หากพลังประชารัฐวงแตกอีกรอบ อาจมี ส.ส.เกรดเอ หาสังกัดพรรคใหม่ที่มีอนาคตมั่นคงกว่า ไม่ต้องลุ้นกับสถานะ “พรรคเฉพาะกิจ” ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

ความพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อม 3 เขต ประกอบด้วย เขต 1 ชุมพร เขต 6 สงขลา และเขต 9 กทม. (หลักสี่-จตุจักร) ทำให้พาวเวอร์การเมืองของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลดน้อยถอยลงมากอย่างมาก จากพรรคที่วางเป้าหมายจะเป็นสถาบันทางการเมือง แต่ความหวังดูจะเลือนลาง

จากปัญหาศึกชิงเก้าอี้รัฐมนตรี ศึกคนกันเองรบกันเอง ทำให้ภาพลักษณ์ของพลังประชารัฐ มีแต่ด้านลบ ภาพจำด้านบวกแทบไม่มีหลงเหลือ แม้ “บิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค จะบอกว่าจัดการปัญหาภายในได้ แต่ตัวของ “บิ๊กป้อม” ที่อยู่ในสมการความขัดแย้ง ยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย

เช่นเดียวกับกระแสนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผูกไว้กับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากการก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหนนี้ เพราะพรรคเป็นฝ่ายเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ให้รัฐสภาโหวต

ดังนั้นเมื่อพลังประชารัฐกระแสตก ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ตกตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีบรรดา “กุนซือ-กูรู” พยายามอ้างว่า แฟนคลับพล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะบ้านมีรั้วจะออกมาใช้สิทธิ์น้อย

จนทำให้คะแนนของ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 ของพรรค ได้ 7,906 คะแนน หายไปหลายเท่าตัว หากเทียบกับคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่ “สิระ เจนจาคะ” ได้ 34,907 คะแนน 

ถึงเวลาที่ นายกฯประยุทธ์ อาจต้องยอมรับความจริงหากจะไปต่อทางการเมือง โดยจำเป็นต้องเปลี่ยนเกมเพื่อหาทางเลือก-ทางรอด ในศึกเลือกตั้งใหญ่

หากยึดตามกติกาประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ ยังเหลือทางเลือกอีก 2 ทาง ระหว่าง 

1.ลงหลักปักฐานกับพรรคพลังประชารัฐให้ชัดเจน 

2.จัดทัพวางกำลังย้ายไปอยู่ใต้ชายคาของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้ ก็มีเงื่อนไขของเวลา 1 ปี 2 เดือน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งคิด รีบทำ

เมื่อพิจารณาสองทางเลือกที่ว่านี้ ก็จะพบความเคลื่อนของ 3 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างสรรค์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อยู่ในตัวเลือกของ “ประยุทธ์”

"พรรคพลังประชารัฐ" อาจจะต้องถึงเวลารีแบรนด์ครั้งใหญ่ หมดเวลาเปิดศึกทะเลาะกันเอง ถึงเวลาโชว์ผลงานให้ประชาชนได้รับรู้ ซึ่ง “แกนนำพรรค” หลายคนเริ่มขยับเสนอแผนให้ “นาย” ได้พิจารณา

ทว่า จุดอ่อนหนึ่งของพรรคคือยังติดอยู่ที่ตำแหน่ง "หัวหน้าพรรค" หากยังเป็น “พล.อ.ประวิตร” แม้บารมีทางการเมืองจะล้นเหลือ สามารถประสานกลุ่ม-ก๊วนภายในพลังประชารัฐได้ แต่ภาพลักษณ์ภายนอกอาจไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เห็นได้จากผลงานการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 จังหวัด เป็นคำตอบได้อย่างชัดเจนว่า ชื่อชั้น “บิ๊กป้อม”ในทางการเมืองขายไม่ได้

แม้จะรีแบรนด์อย่างไร แต่หาก “พล.อ.ประวิตร” ยังนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค การลงพื้นที่หาเสียงในช่วงสู้ศึกเลือกตั้ง ประสิทธิภาพของพลังประชารัฐ จะยิ่งลดน้อยถอยลง และต้องยอมรับว่า การปราศรัยของ พล.อ.ประวิตร เครดิตที่จะให้ประชาชนเชื่อถือ มีน้อยเช่นกัน

ดังนั้น จึงมีเสียงเรียกร้องให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลงมาหอคอยงาช้าง มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเสียเอง เพื่อคุมอำนาจเองเบ็ดเสร็จ คอนโทรล ส.ส.ด้วยตัวเอง คุมเสียงโหวตในสภาไม่ให้แตกแถว ที่สำคัญฐานแฟนคลับจะหันมาเทคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง

ทว่า ท่าที พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงตีกรอบของตัวเองเอาไว้ ว่าจะไม่มาลงเกลือกกลั้วการเมือง หากจะให้ลดเพดานลงจากมาบริหาร(นัก)การเมืองด้วยตัวเองคงไม่ใช่เรื่องง่าย และหากจะให้พี่ใหญ่ “ประวิตร” คุมเกมต่อ ความหวาดระแวงซึ่งกันและกันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

"พรรคไทยสร้างสรรค์" กำลังถูกจับตาว่าจะเป็นทางเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ เมื่ออดีตคนคุ้นเคยชื่อ “เสี่ยตั้น” ณัฐฏพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ แกนนำ กปปส. พยายามเซ็ตอัพพรรคไทยสร้างสรรค์ ว่ากันว่า เพื่อรองรับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไม่ไปต่อกับพลังประชารัฐ

ความคืบหน้าล่าสุด “ณัฐฏพล” จัดทีมพรรคไทยสร้างสรรค์เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้ว พร้อมกับดึงตัว “คนรุ่นใหม่” ที่มีแนวคิดต้องการพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้า ไม่ติดหล่มอยู่แค่การปฏิรูปสถาบันฯ มาได้หลายคนแล้ว

เมื่อเป้าหมาย “ณัฐฏพล” ต้องการดึง “คนรุ่นใหม่” สายกลาง ไม่ซ้ายจัด-ไม่ขวาสุด จึงไม่ใช้วิธีลัด ดูด ส.ส. หรือยัดคดี “บิ๊กเนมการเมือง” 

การเมืองแนวสร้างสรรค์ที่ “ณัฐฏพล”วาดหวัง เป็นการเมืองในฝัน ที่ต้องใช้เวลา อาจไม่ตอบโจทย์ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีเพียงโจทย์เดียวคือ ต้องเข้าสู่อำนาจหลังการเลือกตั้งใหญ่ให้ได้เท่านั้น 

อีกพรรคที่ถูกจับจ้อง  “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เมื่อ“แรมโบ้อีสาน” หรือ “เสกสกล อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี มีชื่อโผล่ในลิสต์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจใช้เป็นพรรคสำรอง หากคำนวณแล้วว่าแบรนด์พรรคพลังประชารัฐ เสื่อมจนยากจากฟื้นฟู

มีกระแสข่าวว่า “บิ๊กเนม” หลายคนเริ่มเดินสายทาบทามนักการเมืองเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยพบความเคลื่อนไหวของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. และมี “บิ๊ก ด.” คอยบัญชาการเกมอยู่ข้างหลัง

โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ มีแนวโน้มที่จะยึดรูปแบบการทำพรรคการเมืองคล้ายคลึงกับพรรคพลังประชารัฐ ใช้วิธีดูด ส.ส. - ดึงนักการเมืองเกรดเอ เข้าสังกัดให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้ ส.ส.เข้าสภา มายกมือโหวตนายกรัฐมนตรี

ว่ากันว่า มี ส.ส.-นักการเมืองเกรดเอ ในพลังประชารัฐเตรียมหาทางเลือกใหม่เช่นกัน หากพลังประชารัฐวงแตกอีกรอบ อาจมี ส.ส.เกรดเอ หาสังกัดพรรคใหม่ที่มีอนาคตมั่นคงกว่า ไม่ต้องลุ้นกับสถานะ “พรรคเฉพาะกิจ” ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ หากปัญหาความขัดแย้งระหว่าง “3 ป.”

เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงมี 3 พรรคทางเลือกในขั้วเดียวกัน การตัดสินใจครั้งสำคัญอาจเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้ หลังเสร็จศึกเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” เพื่อวัดกระแสเมืองหลวง ที่ชี้นำการเมืองใหญ่ ให้เห็นทิศทาง ที่จะเลือกไปข้างหน้า