"ไพบูลย์" เชื่อปมหัวหน้าพรรค รับรอง "สิระ" ลงเลือกตั้ง เอาผิด-ยุบพรรคไม่ได้

"ไพบูลย์" เชื่อปมหัวหน้าพรรค รับรอง "สิระ" ลงเลือกตั้ง เอาผิด-ยุบพรรคไม่ได้

ไพบูลย์ บอกตรวจข้อกฎหมายแล้ว เอาผิดยุบพรรค พปชร. กรณี รับรอง "สิระ" ลงเลือกตั้งปี62 ไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นโยงกับกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน

         นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ ต่อกรณีการลงนามรับรองนายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.กทม. ที่ถูกตัดสิทธิ เพราะมีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือก ส.ส. ว่า กรณีดังกล่าวหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐขณะนั้น คือ นายอุตตม สาวนายน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ลงนามรับรองให้นายสิระลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร และตนได้พิจารณาข้อกฎหมายแล้วไม่พบความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการบริหารพรรค และประเด็นที่จะขอให้ยุบพรรคได้ 

 

            นายไพบูลย์กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นความผิดอาญาั้น ตนไม่ทราบ  เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงนามรับรอง แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนการเอาผิดผู้ลงนามรับรองเอกสารโดยเฉพาะของพรรคพลังประชารัฐ ให้ลืมไปได้ เพราะไม่เข้าข้อกฎหมายใด  ส่วนผู้ที่ไปยื่น อาจยื่น เพราะไม่ชอบพรรคพลังประชารัฐ จึงยื่นให้ดูเป็นประเด็นใหญ่

        นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขต9 แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่า การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นเพียง 1 เขตเลือกตั้งใน 400 เขตเท่านั้น ยังเหลืออีก 399 เขต โดยพื้นที่หลักสี่ และ จตุจักรนั้นถือเป็นข้อมูลกับทางพรรคเพื่อทำงานหนักให้ขึ้น
 

        "ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งจะต้องรอไปอีกปีกว่า ทำให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐก็จะมีเวลาเข้าไปดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ยังเชื่อมั่นว่า การเลือกทั่วไปจะเกิดขึ้นในปี 2566 พรรคพลังประชารัฐมีความสามารถที่จะเข้าไปอยู่ในใจของประชาชนอย่างแน่นอน ดังนั้นผลการเลือกตั้งเพียง 1 เขต จะนำมาตัดสินอีก 399 เขตที่เหลือไม่ได้   และเชื่อว่าไม่กระทบเสถียรภาพภายในพรรค" นายไพบูลย์ กล่าว

          นายไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ให้ความเห็นว่า หากพรรคพลังประชารัฐไม่ปรับเปลี่ยนการทำงานการเลือกตั้งครั้งถัดไป จะได้ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนนั้น  เป็นการพูดให้ร้ายคู่แข่งที่มีความสามารถ   ถือเป็นการดิสเครดิตกัน แต่พรรคพลังประชารัฐไม่ทำเช่นนั้น