นายกฯ เกาะติดแก้ปัญหา "น้ำมันรั่วมาบตาพุด" ระดมทุกหน่วยเร่งขจัดคราบน้ำมัน

นายกฯ เกาะติดแก้ปัญหา "น้ำมันรั่วมาบตาพุด" ระดมทุกหน่วยเร่งขจัดคราบน้ำมัน

โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” ติดตามการแก้ไขปัญหา "น้ำมันรั่วมาบตาพุด" จ.ระยอง อย่างใกล้ชิด ล่าสุดกรมเจ้าท่า ทร. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมสรรพกำลังปฏิบัติการแผนขจัดคราบน้ำมัน ควบคุมการกระจายตัวน้ำมันได้ค่อนข้างดี พร้อมเฝ้าระวังไม่ให้คราบน้ำมันขึ้นฝั่ง

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล ของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน (SPRC) ในช่วงกลางคืนของวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมา อย่างใกล้ชิด

โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานในพื้นที่ เร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน ซึ่งขณะนี้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ได้บูรณาการความร่วมมือแก้ไขสถานการณ์ "น้ำมันรั่วมาบตาพุด" โดยมีการทำแผนรับมืออย่างเป็นขั้นตอนตามระดับความรุนแรง เพื่อให้การปฏิบัติงานในการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ได้รายงานแผนการขจัดคราบน้ำมันให้นายกรัฐมนตรีรับทราบว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม จำกัด ได้ประสานสมาคม IESG เพื่อให้การสนับสนุนน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน ทุ่นล้อมน้ำมัน เรือ และบุคลากร ในการช่วยเหลือฉีดน้ำยาขจัดคราบน้ำมันตั้งแต่เริ่มการปฏิบัติ โดยมีการขออนุญาตใช้สารจากกรมควบคุมมลพิษจำนวน 40,000 ลิตร และมีการประสานกับองค์กรนานาชาติ OSCL เพื่อขอสนับสนุนน้ำยาและอุปกรณ์ และเครื่องบิน C130 ซึ่งได้มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ม.ค.65 ที่ผ่านมา

รวมทั้ง กรมเจ้าท่าแจ้งให้กองทัพเรือจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในการขจัดคราบน้ำมันตามแผนขจัดคราบน้ำมันแห่งชาติ มีกรมเจ้าท่าเป็นฝ่ายเลขาฯ และหน่วยประสานงานการระดมฉีดสารน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน หรือ Dispersant โดยได้รับความร่วมมือจากเรือของเอกชนที่มี pump เพื่อใช้ในกรณีที่กลุ่มคราบน้ำมันที่มีความหนืดและหนาพอสำหรับการดูด รวมทั้งเพิ่มจำนวนทุ่นกักเก็บน้ำมันให้มีความยาวอย่างน้อย 3,000 เมตร เพื่อใช้ในการล้อมกลุ่มคราบน้ำมันที่มีความหนืดหนาแล้วทำการดูด และป้องกันไม่ให้มีการเข้าฝั่ง

ขณะเดียวกัน ได้ประสานขอภาพถ่ายทางอากาศทั้งในช่วงเช้าและเย็นจาก GISTDA เพื่อประกอบการสั่งการในแต่ละวัน รวมทั้งเตรียมพร้อมกรณีที่คราบน้ำมันเคลื่อนถึงฝั่ง โดยเตรียม shore boom กันที่ชายหาด และเตรียมชุดขจัดคราบไว้พร้อมแล้ว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมเจ้าท่าประเมินว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันไม่เกิน 50,000 ลิตร จากเดิมที่คำนวณไว้ 400,000 ลิตร ที่เป็นการคำนวณในความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด และดำเนินการในเวลากลางคืน ซึ่งต่อมามีการประมาณการใหม่ว่ามีจำนวน 160,000 ลิตร โดยจากการควบคุมสถานการณ์โปรยน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน ที่ทำให้น้ำมันย่อยสลายได้โดยแบคทีเรียธรรมชาติ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมา

ต่อเนื่องถึงขณะนี้ ควบคู่กับการทำแนวป้องกันเพื่อไม่ให้น้ำมันไหลไปยังชายฝั่งได้ โดยใช้กลยุทธ์ ล้อม กัก เก็บ ทำลาย ทำให้สามารถควบคุมการกระจายตัวของน้ำมันได้ค่อนข้างดี คาดว่ามีปริมาณน้ำมันเหลือในทะเลประมาณ 4,000 ลิตร และจากการประเมินการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.65)

คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่น้ำมันจะขึ้นฝั่ง กรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงดำเนินการเฝ้าระวัง ร่วมมือกันอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มีคราบน้ำมันขึ้นฝั่ง และจากการสำรวจคราบน้ำมันล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. ทั้ง 3 จุดคือ ที่สุดหาดแม่รำพึง ลานหินขาว และโค้ง สอต. ยังไม่พบคราบน้ำมันแต่อย่างใด
 
“ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มีการร่วมประชุม วางแผนแก้ไขปัญหา เตรียมกำลังพลและอุปกรณ์สนับสนุนการควบคุมคราบน้ำมัน และเตรียมทำความสะอาดชายหาด คาดการณ์ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้น จะน้อยกว่าสถานการณ์ในปี 2556 เนื่องจากลมสงบและคลื่นน้อย ทำให้การกระจายตัวของคราบน้ำมันช้าลง

อย่างไรก็ดี ขอให้ประชาชนในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ และต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรแจ้งศูนย์ดำรงธรรม ที่หมายเลข 1567 หรือแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่” นายธนกร กล่าว 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์