"สติธร" ประเมินเลือกตั้งซ่อมกทม. เหลือตัวเต็ง แค่ "2พรรค"

"สติธร" ประเมินเลือกตั้งซ่อมกทม. เหลือตัวเต็ง แค่ "2พรรค"

นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ประเมิน "สุรชาติ-อรรถวิชช์" ตัวเต็ง ว่าที่ส.ส.กทม.เขต9 ในการเลือกตั้งซ่อม ส่วน "มาดามหลี" กระแสไม่ดี แม้โค้งสุดท้าย ชู "ประยุทธ์"

          นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการเลือกตั้ง ส.ส.  กทม. เขต9 แทนตำแหน่งที่ว่าง  ในช่วง3 วันสุดท้ายก่อนการหย่อนบัตร ในวันที่ 30 มกราคม โดยเชื่อว่า มี 2 หมายเลขที่จะชิงตำแหน่งดังกล่าว คือ นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกล้า ส่วนผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ คือ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ตนมองว่ากระแสในพื้นที่ไม่ดี

 

          "แม้ช่วงท้ายของการหาเสียง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะช่วยหาเสียงในพื้นที่  แต่ไม่คึกคักเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งซ่อมพื้นที่ภาคใต้ แม้จะใช้กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ช่วยหาเสียง เชื่อว่าไม่ได้ผล เพราะปัจจัยหลักคือตัวบุคคลมากกว่าพรรค อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เนื้อเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ" นายสติธร กล่าว

          “ภาพรวมที่เห็นการแบ่งคะแนนของกลุ่มสนับสนุนรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มี 3 พรรคทั้ง พรรคไทยภักดี, พรรคกล้า, พรรคพลังประชารัฐ ฐานะคะแนนเดิม 3.4หมื่นคะแนน เมื่อถูกแบ่ง 3 ส่วน โอกาสได้คะแนนมากเท่าเดิมจะน้อยลง เหตุผลที่ผมมองว่านายอรรถวิชช์จะได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลง โดยการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ คนของพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนน 1.6 หมื่นคะแนน  ดังนั้นคนที่ลงคะแนนให้ประชาธิปัตย์เชื่อว่าจะมีจริตเดียวกันกับพรรคกล้า และหากเพื่อนของนายอรรถวิชช์ ช่วยเหลือจริงจะช่วยดึงคะแนนของพรรคพลังประชารัฐได้บางส่วน” นายสติธร กล่าว

 

 

          ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า  วิเคราะห์ด้วยว่า ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย และพรรคกล้าจะได้คะแนนที่สูสี เพราะแลกหมัด เนื่องจากเขตหลักสี่ เป็นของนายสุรชาติ ส่วนเขตจตุจักรของนายอรรถวิชช์  และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีจำนวนใกล้เคียงกัน คือ 8.3หมื่นคน ทั้งนี้ในเขตหลักสี่นายสุรชาติมีคู่แข่งเยอะ ทั้งนางสรัลรัศมิ์ , นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชน์ ผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคไทยภักดี แต่โดยรวมตนมองว่านายสุรชาติมีภาษีดีกว่า

 

          นายสติธร กล่าวด้วยว่า สำหรับฐานคะแนนเสียงของนายสุรชาติ มองว่ามีอยู่จำกัด คือ 3 หมื่นคะแนน และมีพรรคอนาคตใหม่แบ่งคะแนน 2.5 หมื่นคะแนนเพราะช่วงนั้นมีกระแสการแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ในการเลือกตั้งซ่อมพรรคก้าวไกล ส่งผู้สมัคร และไม่ลดลาวาศอกให้ ดังนั้นมีโอกาสที่จะลุ้นคะแนนไหนกลับ อย่างไรก็ดีเมื่อสำรวจคะแนนของพรรคก้าวไกลในสนามเลือกตั้งซ่อมพบว่ามีคะแนนลดลง

 

          “พรรคก้าวไกลอาจรักษาฐานคะแนน ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปี แต่อายุ 30 ปีขึ้นไปก่อนเลือกอนาคตใหม่ เคยเลือกเพื่อไทยมาก่อน จะเปลี่ยนใจไปเลือกเพื่อไทยหรือไม่ เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต้องสู้กัน” นายสติธร กล่าว