"ไทยสร้างไทย" ชี้เก็บ "ภาษีคริปโทฯ" กดปริมาณซื้อขายวูบนักลงทุนหนีเล่นตลาด ตปท.

"ไทยสร้างไทย" ชี้เก็บ "ภาษีคริปโทฯ" กดปริมาณซื้อขายวูบนักลงทุนหนีเล่นตลาด ตปท.

"ธรรม์ธีร์" จี้ "คลัง" ทบทวน จัดเก็บ "ภาษีคริปโทเคอร์เรนซี" ชี้ ทำบรรยากาศซบเซา ปริมาณซื้อขาย ลด 40% นักลงทุน หันไปเล่นตลาดต่างประเทศที่ปลอดภาษี ทำรัฐสูญรายได้ 1,040 ล้านใน ปี 65 - 66 แนะแนวทางต้องเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ ปฏิบัติได้จริง

นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยืนยันจะเดินหน้าเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ ภาษีคริปโทเคอร์เรนซี ว่า ต้องทบทวนมาตรการดังกล่าว เพราะทันทีที่มีการประกาศแนวทางจัดเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซีเมื่อต้นเดือนมกราคม ก็ทำให้ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของExchange ในประเทศ ลดลงทันที 40%

โดยหากรัฐบาล ยังดึงดันจะเดินหน้าเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซีแล้วทำให้นักลงทุนไทย มีความรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม หรือหันไปลงทุนในตลาดต่างประเทศที่เก็บภาษีในอัตราต่ำกว่าหรือ ปลอดภาษีคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงจากเดิมถึง 80% ซึ่งจากการประเมินภาษีนิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐจัดเก็บได้จาก Exchange ในประเทศที่จะลดลง เทียบกับภาษีบุคคลธรรมดาเฉลี่ยที่อัตรา 15% ที่จะเก็บได้เพิ่ม นำมารวมแล้วพบว่า นโยบายนี้อาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 1,040 ล้านบาท ในปี 2565-2566 ซึ่งตัวเลขนี้ไม่นับรวมค่าเสียโอกาสที่อุตสาหกรรมบล็อกเชนจะพัฒนาต่อยอดภายในประเทศจนผลิตเม็ดเงินภาษีเพิ่มได้มากกว่านี้อีกเท่าตัว

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้นจากข้อมูลที่หาได้จากแหล่งสาธารณะ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงการคลัง ศึกษาวิจัยจนได้ออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน ถึงผลบวกผลลบกับเม็ดเงินภาษีและเศรษฐกิจดิจิทัล เสียก่อนจะเดินหน้าต่อ และค่อยออกนโยบายภาษีตามหลักที่สำคัญทั้ง 3 ประการคือ ความเป็นธรรม ความมีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติได้จริง

โดยหลักความเป็นธรรม หากเดินหน้าเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซีเฉพาะธุรกรรมที่กำไร ไม่สามารถนำธุรกรรมที่ขาดทุนมาหักลบ เหมือนรายได้ประเภทอื่นๆ ที่นำต้นทุน นำค่าใช้จ่ายมาหักลบได้ ก็ขาดความเป็นธรรม

ในขณะที่หลักความมีประสิทธิภาพ ต้องคำนึงถึงการที่รัฐออกนโยบายแล้วสามารถจัดเก็บภาษีได้จริง ไม่เกิดความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ เพราะการที่ปริมาณซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลลดลง 40% หลังรัฐบาลประกาศจะจัดเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซีและนักลงทุนเริ่มย้ายไปเทรดต่างประเทศ ก็สะท้อนแล้วว่ากฎเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีคริปโทเคอร์เรนซีนี้มีประสิทธิภาพหรือไม่ 

และหลักการปฏิบัติได้จริง ที่นักลงทุนไทยต้องสามารถปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ได้ง่าย ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้ให้บริการ ซึ่งการคำนวณภาษีจากธุรกรรมการเทรดคริปโทเคอร์เรนซีมีความซับซ้อน จากความหลากหลายของคริปโทเคอร์เรนซี โทเคน และผลิตภัณฑ์การเงินที่เกี่ยวข้อง ความหลากหลายของรูปแบบการลงทุน และจำนวน Exchange ที่ใช้เทรด อาจทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ที่เป็นรายย่อย ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องได้ง่ายตลอดปีภาษี เพราะไม่ได้มีแผนกบัญชีเหมือนกับบริษัทที่มีความรู้ด้านบัญชี-ภาษีมาช่วยคำนวณ

“ผมอยากขอให้กระทรวงการคลังเอาตัวเลขจากการศึกษามาเปิดเผย กฎหมายใดหากออกมาแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ต้องปรับแก้ไข ไม่ใช่ดันทุรังบังคับใช้แล้วเกิดความเสียหาย เพราะสุดท้ายหากพบว่านโยบายนี้ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จริงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้ดำเนินนโยบายจน GDP ของไทยต่ำสุดในอาเซียน ต้องกู้ไปขยายเพดานหนี้ไป ในขณะที่ความเหลื่อมล้ำของไทยติดอันดับโลก ก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่านโยบายเศรษฐกิจที่ดำเนินการโดยรัฐบาลนี้ถูกทิศทางหรือไม่” นายธรรม์ธีร์ กล่าว

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์