รมว.ทส. สั่งเร่งโปรยสารสลายน้ำมันรั่วทะเลระยอง มั่นใจไม่ซ้ำรอยปี 56

รมว.ทส. สั่งเร่งโปรยสารสลายน้ำมันรั่วทะเลระยอง มั่นใจไม่ซ้ำรอยปี 56

รมว.ทส. เผยจนท.เร่งโปรยสารสลายน้ำมันรั่วทะเลระยอง 2 หมื่นลิตร จ่อเอาผิดบริษัท มั่นใจไม่ซ้ำรอยเหตุน้ำมันรั่วปี 56

ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กรณีท่อน้ำมันดิบ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) รั่วไหลจำนวน 4 แสนลิตร กลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง ว่า ตนติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่ตลอด โดยมีการประสานติดตามสถานการณ์กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กองทัพเรือ และกระทรวงพลังงาน

ทราบว่าขณะนี้สถานการณ์เบื้องต้นที่ทางบริษัทฯแถลง ระบุปริมาณน้ำมันรั่ว 2 – 4 แสนลิตรนั้น จากการที่เจ้าหน้าที่ และผู้ว่าฯ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และลงเรือสำรวจ พบว่าที่จริงแล้วปริมาณน้ำมันที่รั่วประมาณ 2 หมื่นลิตร

ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่เลวร้ายเท่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ น้ำมันที่รั่วมีลักษณะเป็นฟิล์มบางๆบนผิวน้ำ ช่วงแรกเกรงว่าน้ำมันที่รั่วจะพลัดเข้าฝั่ง แต่ขณะนี้ดูทิศทางลม และกระแสน้ำแล้ว คาดว่าไม่น่าจะพลัดเข้าฝั่ง 

ขณะนี้มีการใช้เครื่องบินโปรยสารให้น้ำมันสลายตัวจมลงใต้ทะเล จากรายงานเบื้องต้นขณะนี้น้ำมันเริ่มแตกตัวจมลงแล้ว ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้ว่าตนจะไปติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง และหลังจากนี้จะต้องศึกษาดูผลระยะยาว ว่าน้ำมันที่จมลงจะเกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไร ซึ่งทางบริษัทฯต้องมีกองทุนเพื่อรับผิดชอบในระยะยาวเช่นกัน

 “การแก้ปัญหาคราบน้ำมันเราดูแค่ช่วงนี้ไม่ได้ แต่ต้องดูระยะยาว่าสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลจะได้รับผลกระทบอย่างไร ผมได้กำชับผู้ว่าฯ ให้พูดคุยกับทางบริษัทฯ ให้ดูในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายจะต้องดูรายละเอียด แต่แน่นอนว่าทางบริษัทฯ ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอฝากไปยังผู้ประกอบการธุรกิจสายส่งน้ำมัน ให้ดูแลระบบสายส่งให้อยู่ในสภาพพร้อม 100%” รมว.ทรัพยากรฯ กล่าว 

เมื่อถามว่า จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคอาหารทะเล และราคาอาหารทะเลหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้เร็วเกินไปที่จะตอบเรื่องนี้ ต้องดูว่าน้ำมันที่จมลงใต้ทะเลจะกระทบอะไรกับห่วงโซ่อาหารหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เหตุการณ์นี้จะไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วที่เกาะเสม็ด เมื่อปี 2556 เพราะในปีนั้นมีน้ำมันดิบทีรั่วไหลจำนวนมหาศาล ดังนั้น ขอให้พี่น้องชาวระยอง ชาวเกาะเสม็ด และชาวบ้านบริเวณชายหาดแม่รำพึงวางใจได้