"ประภัตร" โชว์ผลแล็บยัน "รัฐบาลไม่ปกปิด" โรคระบาดเอเอสเอฟ

"ประภัตร" โชว์ผลแล็บยัน "รัฐบาลไม่ปกปิด" โรคระบาดเอเอสเอฟ

รมช.เกษตรฯ แจงสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด พร้อมโชว์ผลแล็บ ยืนยันหมูตายจากโรค "พีอาร​์อาร์เอส" (โรคเพิร์ส) ย้ำไม่มีเจตนาปกปิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ เอเอสเอฟ (ASF)

วันนี้ (20 ม.ค.2565) นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด ของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งถามถึงโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ) ในสุกร ว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 เจอซากสุกรลอยน้ำในแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย  ตนลงพื้นที่ด้วยตนเอง และได้ตรวจพิสูจน์ซากโดยผลแล็บยืนยันว่าเป็นโรคพีอาร์อาร์เอส ไม่ใช่โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ

ผลแล็บระบุว่าไม่พบอหิวาต์แอฟริกา เป็นตรวจไวรัสแต่เป็น พีอาร์อาร์เอส ดังนั้นไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมรับ แต่ผลแล็บยืนยันมาแบบนี้ เช่น ผลแล็บ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ที่พบว่ามีหมูตายพอสมควร ระบุว่าเป็นพีอาร์เอส ส่วนโรคซีเอสเอฟ เพิ่งเจอปี 2565 ที่โรงฆ่าสัตว์นครปฐม อย่างไรก็ดีรัฐบาลไม่มีการปกปิด สำหรับหมูที่ตายทั้งสิ้น 2.7 แสนตัว ผลแล็บบอกว่า เป็นพีอาร์อาร์เอส” นายประภัตร ชี้แจง

ทั้งนี้ โรคพีอาร์อาร์เอส (PRRS) หรือเพิร์ส เป็นโรคติดต่อในสุกรเท่านั้น เกิดจากเชื้อไวรัส ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินหายใจของสุกร โรคนี้พบราวปี 2523 จนกระทั่งปี 2534 ได้มีการบัญญัติชื่อโรคนี้ว่า Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome หรือ PRRS โรคนี้พบได้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย สำหรับการป้องกันนั้นปัจจุบันมีวัคซีนจำหน่าย อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่เคยมีรายงานการติดต่อสู่คน 

นายประภัตร ชี้แจงด้วยว่า ปริมาณหมูในประเทศมีจำนวน 19 ล้านตัว ทั้งนี้ มีกลุ่มผู้เลี้ยงรวม 1.9 แสนราย แบ่งเป็นรายย่อยและรายเล็ก 1.8 แสนราย มีปริมาณหมูที่เลี้ยง ประมาณ 4 ล้านตัว ขณะที่รายใหญ่ 200 ราย และ รายกลาง 3,000 ราย มีปริมาณหมูที่เลี้ยง 15 ล้านตัว ส่วนราคาหมูที่มีราคาแพง ซึ่งกรมการค้าภายในเป็นผู้กำหนดราคา โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาเนื้อหมูแพง เนื่องจากราคาอาหาร และ ราคาลูกหมู  โดยในเดือนพฤศจิกายน 64 พบว่ามีราคาต้นทุนการเลี้ยง 82 บาท เขียงหมูขาย 160 บาท แต่ในเดือนธันวาคม 64 - มกราคม 65 ต้นทุนขึ้น 91 บาท ราคาหน้าฟาร์ม 110 บาท ราคาขายเนื้อแดง 215 บาท 

 

 

ทั้งนี้ นายจุลพันธุ์ ท้าพิสูจน์ให้ขุนศพหมูขึ้นมาตรวจอีกครั้ง เชื่อว่าจะเจอโรคเอเอสเอฟแน่นอน อย่างไรก็ดี การปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีเป็นอย่างระบบ นอกจากนั้นในส่วนของราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น เชื่อว่ามีผู้ได้ประโยชน์จากผู้ค้าที่เก็บสต็อกเนื้อหมู และตนพร้อมจะพาไปแหล่งที่เก็บสต็อกเนื้อหมู ไม่ใช่ไปตรวจสต็อกที่โรงเนื้อแกะและเนื้อวัว

ขณะที่นายประภัตร กล่าวยอมรับว่า “ผมไม่ได้แกล้งเซ่อ แต่ตรวจไม่เจอจริง ๆ”